<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึม! กังวล ‘กำแพงภาษี’ ทรัมป์-ดราม่าเฟด สวนทาง Bitcoin พุ่งทำสถิติใหม่ไม่หยุด

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดสัปดาห์ด้วยการปรับตัวสูงขึ้นเพียงเล็กน้อยในวันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนต่อประเด็นกำแพงภาษีและแรงกดดันต่อธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) สวนทางกับตลาดคริปโตเคอร์เรนซีที่ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง โดย Bitcoin ได้สร้างสถิติสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่อีกครั้ง

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 50 จุด หรือ 0.11% ขณะที่ S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.11% และดัชนี Nasdaq ที่เน้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น 0.32%

ฮีทแมพดัชนีดาวโจนส์ ที่มา: TipRanks

เรียกได้ว่าบรรยากาศการลงทุนเป็นไปอย่างระมัดระวังหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะขึ้นภาษี 30% ต่อสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและสหภาพยุโรป ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ การตัดสินใจดังกล่าวได้สร้างแรงกดดันต่อความเชื่อมั่นของตลาด เนื่องจากทั้งสองเป็นคู่ค้าที่สำคัญของสหรัฐฯ โดยนักลงทุนกำลังชั่งน้ำหนักว่านี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายในระยะยาว หรือเป็นเพียงกลยุทธ์ในการเจรจาต่อรองเพื่อข้อตกลงทางการค้าที่ดีขึ้น

ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็กำลังเผชิญกับแรงกดดันที่หนักหน่วงขึ้น หลังจากแผนการปรับปรุงอาคารสำนักงานใหญ่ด้วยงบประมาณมหาศาล 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก นายเควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาว ได้ออกมาประณามแผนดังกล่าว โดยอ้างว่ามีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินงบไปถึง 700 ล้านดอลลาร์ ขณะที่นายเควิน วอร์ช อดีตผู้ว่าการเฟด ก็ได้วิจารณ์ว่าค่าใช้จ่ายนั้น “สูงอย่างน่าอับอาย” ความขัดแย้งเรื่องนี้อาจกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่รัฐบาลของทรัมป์ใช้เพื่อบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดคนปัจจุบัน ท่ามกลางแรงกดดันให้ลดอัตราดอกเบี้ยที่มีมาอย่างต่อเนื่อง

ท่ามกลางความไม่แน่นอนในตลาดหุ้น ตลาดคริปโตกลับแสดงผลงานที่แข็งแกร่งอย่างชัดเจน Bitcoin (BTC) ได้พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ที่ 123,091 ดอลลาร์สหรัฐ โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการในกองทุน ETF ที่เพิ่มขึ้นและการที่บริษัทต่างๆ นำ Bitcoin เข้าเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระแสกระทิงของ Bitcoin นี้ก็มีโอกาสช่วยหนุนให้ตลาด Altcoin ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

ที่มา: Crypto.news