ราคา Bitcoin ได้เกิดความผันผวนรุนแรงอย่างยิ่งในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาจากเดิมที่เคยทำราคาไว้ที่ $119,462 กลับร่วงลงมาอย่างรุนแรงและมีการซื้อขายกันที่ $117,720 ในขณะที่รายงาน หลังตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนมิถุนายนเผยให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่า “เงินเฟ้อ” ยังไม่ยอมถอย
โดย Headline CPI พุ่งแตะ 2.7% ต่อปี สูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ Core CPI ก็ขยับขึ้นเป็น 2.9% แม้จะต่ำกว่าคาด แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ตลาดมองว่า “น่าเป็นห่วง” จนทำให้ความหวังที่ Fed จะหั่นดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคมต้องเลือนรางทันที
อ้างอิงข้อมูลจากกราฟ BTC/USD บน Coinmarketcap ตั้งแต่ช่วงเช้าของเมื่อวานราคา Bitcoin ได้ลดลงมาอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะฟื้นกลับขึ้นไปที่ $118,375 ท่ามกลางความหวังที่ว่าสถานการณ์ต่าง ๆ ในสหรัฐฯจะดีขึ้นมาบ้าง แต่แล้วทุกอย่างก็ต้องพังทลาย Bitcoin ดิ่งลงมาทำจุดต่ำสุดที่ $115,967 แทบจะทันที ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับมาเล็กน้อยในช่วงเช้าวันนี้

ด้านดัชนีดอลลาร์ (DXY) พุ่งขึ้นอย่างแรงแตะ 98.5 ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง กดดันให้ Bitcoin ซึ่งก่อนหน้านี้ทำจุดสูงสุดใหม่ประจำปีไว้ที่ $123,218 ร่วงลงแรงทดสอบแนวรับ $116,500 สร้างแรงสั่นสะเทือนในหมู่นักลงทุนสายเลเวอเรจ ที่ต้องเร่งปิด Position และปล่อยให้ตลาดรีเซ็ต

นักวิเคราะห์จากหลายสำนักชี้ว่า ขณะนี้ Bitcoin ยืนอยู่บนเส้นแบ่งบาง ๆ ระหว่าง “การย่อเพื่อขึ้นต่อ” หรือ “สัญญาณของการกลับตัว” โดยแนวต้านสำคัญที่ต้องเบรกให้ได้ในระยะสั้นคือช่วง $119,250–$120,700 ซึ่งเป็นบริเวณที่ผู้ขายรายใหญ่เคยกดราคาให้ร่วงก่อนหน้านี้ หากทะลุได้อย่างมั่นคง ตลาดจะกลับเข้าสู่โหมดขาขึ้นอีกครั้ง ลุ้นทำ New High เหนือ $123,000

ในทางกลับกัน หากราคายังถูกกดอยู่ต่ำกว่าระดับนี้ มีโอกาสสูงที่ BTC จะร่วงลงมาทดสอบโซน “Fair Value Gap” ระหว่าง $113,700–$115,300 ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้กับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน (EMA 200) ที่มักทำหน้าที่เป็นแนวรับแบบไดนามิกของขาขึ้นใหญ่
นักเทรดชื่อดังอย่าง Magus ออกมาทวีตว่า Bitcoin ที่ระดับ $117,000 คือ “ของขวัญ” พร้อมชี้ว่านี่คือจุดสะสมในรอบใหม่ ขณะที่นักลงทุนปริศนาอย่าง Jelle คาดว่า BTC จะสะสมพลังในกรอบ $116,000–$118,000 ก่อนดีดกลับขึ้นเหนือ $120,000
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าราคาจะสวิงแค่ไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือโครงสร้างตลาดใหญ่ยังคง “ขาขึ้น” อย่างแข็งแรง และทุกการย่อในช่วงนี้ยังคงถูกมองว่าเป็น “โอกาสในการซื้อ” สำหรับนักลงทุนสายระยะกลางถึงยาว
ที่มา : Cointelegraph

