Asymmetric Financial กองทุนเฮดจ์ฟันด์คริปโตชื่อดัง กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด หลังจากที่ต้องเผชิญกับผลการดำเนินงานที่ย่ำแย่และเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนักลงทุน จนนำไปสู่การประกาศ “ยอมจำนน” และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งใหญ่
จุดแตกหักของเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เมื่อผู้ใช้งาน X ที่เป็นที่รู้จักกันดีในนาม “BigbrainSOL” ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่ในระบบนิเวศของ Solana ได้ออกมาแสดงความผิดหวังต่อผลการดำเนินงานของกองทุน Asymmetric โดยได้โพสต์ภาพสกรีนช็อตที่แสดงให้เห็นว่าเขาขาดทุนไปถึง 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งคิดเป็นการขาดทุนถึง 78.37% ของพอร์ตการลงทุน จาก 12.89 ล้านดอลลาร์ เหลือเพียงประมาณ 2.78 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
โพสต์ดังกล่าวได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งชุมชนคริปโต และส่งผลให้ในวันต่อมา นาย Joe McCann ซีอีโอของ Asymmetric ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่าน X เขายอมรับว่าแนวทางการดำเนินงานในปัจจุบันของกองทุน “ไม่ได้ตอบสนองต่อผู้ร่วมลงทุน (LPs) อีกต่อไปแล้ว” และได้ยืนยันว่า Asymmetric จะเริ่มโยกย้ายเงินทุนออกจากกลยุทธ์การเทรดสินทรัพย์สภาพคล่องสูง (liquid trading) ไปสู่การลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีสภาพคล่อง (illiquid investments) แทน McCann ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่ากองทุน Liquid Alpha Fund ของบริษัทนั้น “ล้มเหลวในการสร้างผลตอบแทนในปีนี้”
เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบ McCann ประกาศว่านักลงทุนในกองทุนจะได้รับอนุญาตให้ถอนเงินลงทุนออกได้ แม้ว่าจะยังอยู่ใน “ช่วงเวลาที่ถูกล็อกตามปกติ” (customary lock-up periods) หรือจะเลือกโอนเงินทุนของตนเองไปยังโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ของบริษัทก็ได้ เขายืนยันว่า Asymmetric “จะยังไม่ไปไหน”
เหตุการณ์ครั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังกลยุทธ์การลงทุนที่มีความซับซ้อนในโลกคริปโต เช่น การล่า Airdrop ที่แม้จะให้ผลตอบแทนสูงอย่างกรณีของ Hyperliquid แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงจากสแกมและบอทที่เข้ามาปั่นป่วนระบบเช่นกัน การยอมรับความผิดพลาดและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างรวดเร็วของ Asymmetric จึงเป็นการตัดสินใจที่น่าจับตามองอย่างยิ่งในภาวะที่ตลาดมีความผันผวนสูงเช่นนี้
ที่มา: cointelegraph

