นาย Robert Kiyosaki นักลงทุนและนักเขียนชื่อดังเจ้าของหนังสือ “พ่อรวยสอนลูก” ได้ออกมาจุดประเด็นถกเถียงครั้งใหญ่ในวงการการเงิน ด้วยการส่งคำเตือนไปยังนักลงทุนที่ถือครอง Bitcoin และโลหะมีค่าผ่านเครื่องมือทางการเงินยอดนิยมอย่าง “กองทุน ETF” โดยเปรียบเทียบว่ามันไม่ต่างอะไรกับการมี “รูปถ่ายของปืน” แทนที่จะมีปืนจริงไว้ป้องกันตัว
ในโพสต์บน X (ทวิตเตอร์) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Kiyosaki ได้ยอมรับว่าแม้ ETF จะช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงสินทรัพย์บางประเภทได้ง่ายขึ้น แต่ปัญหาใหญ่คือผู้ลงทุนไม่ได้ถือครองสินทรัพย์ที่จับต้องได้นั้นจริงๆ “ETF ก็เหมือนกับการมีรูปถ่ายของปืนไว้เพื่อป้องกันตัว” เขากล่าว “บางครั้งมันดีที่สุดที่จะมีทองคำ, แร่เงิน, Bitcoin และปืนของจริง… จงรู้ถึงความแตกต่างว่าเมื่อไหร่ควรจะมีของจริง และเมื่อไหร่ควรจะมีแค่กระดาษ”
ความเห็นของ Kiyosaki สะท้อนถึงปัญหาที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน นั่นคือความเสี่ยงที่สถาบันการเงินจะออก “กระดาษ” หรือเอกสารแสดงสิทธิ์ในสินทรัพย์ที่พวกเขาอ้างว่าถือครองอยู่ แต่ในความเป็นจริงอาจจะไม่ได้มีสินทรัพย์นั้นอยู่เต็มจำนวน ซึ่งหากความเชื่อมั่นในสถาบันนั้นๆ สั่นคลอน ไม่ว่าจะจากข่าวลือหรือวิกฤตทางการเงิน ก็อาจนำไปสู่สถานการณ์ “Bank Run” หรือการที่นักลงทุนแห่ถอนเงินพร้อมกันจนสถาบันล้มละลายได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม นาย Eric Balchunas นักวิเคราะห์อาวุโสของ Bloomberg ETF ได้ออกมาโต้แย้งคำเตือนของ Kiyosaki โดยกล่าวกับ Cointelegraph ว่าความกลัวดังกล่าวนั้น “ไม่มีมูล” และ ETF ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่มีการค้ำประกันความปลอดภัยที่แข็งแกร่งที่สุด เนื่องจากมีการแบ่งแยกอย่างชัดเจนระหว่างผู้ออกกองทุนและผู้ดูแลรักษาสินทรัพย์ (Custodian) “ETF มีข้อบังคับทางกฎหมายที่จะต้องนำสินทรัพย์ไปฝากไว้กับผู้ดูแล ดังนั้น หุ้นทุกหน่วยของ ETF จึงถูกเชื่อมโยงกับ Bitcoin ของจริงในอัตราส่วนหนึ่งต่อหนึ่ง มันไม่มีคำว่ากระดาษ” Balchunas กล่าว
“ผมเข้าใจว่าในโลกคริปโตอาจจะมีความหวาดระแวงต่อโลกการเงินดั้งเดิม” Balchunas เสริม “แต่อุตสาหกรรม ETF นั้นมีมายาวนาน 30 ปี และเป็นอุตสาหกรรมที่สะอาดมากและมีชื่อเสียงที่ยอดเยี่ยม” เขายังชี้ให้เห็นถึงอีกมุมหนึ่งว่า สำหรับนักลงทุน Bitcoin รายใหญ่แล้ว การถือครองผ่าน ETF อาจจะปลอดภัยกว่าการเก็บรักษาด้วยตนเอง (self-custody) ด้วยซ้ำ เพราะมันช่วยลดความเสี่ยงจากการตกเป็นเป้าหมายของอาชญากรที่อาจใช้ความรุนแรงเพื่อปล้นชิงสินทรัพย์ได้
ที่มา: cointelegraph

