ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีน JD.com ขยับเข้าใกล้การเปิดตัว stablecoin สกุลฮ่องกงดอลลาร์อย่างเป็นทางการ หลังมีรายงานว่าได้จดทะเบียนชื่อ ‘Jcoin’ และ ‘Joycoin’ ผ่านบริษัทลูกด้านฟินเทค JD Coinlink Technology เพียงไม่กี่วันก่อนที่กฎควบคุม stablecoin ของฮ่องกงจะมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์นี้
JD Coinlink ถือเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วม sandbox program อย่างเป็นทางการของ Hong Kong Monetary Authority (HKMA) ตั้งแต่มีการเปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2567 เพื่อทดลองและวางมาตรฐานการออก stablecoin ภายใต้การกำกับดูแล โดยบนเว็บไซต์ JD Coinlink ระบุว่าเหรียญ “Jingdong stablecoin” จะถูกผูกค่าแบบ 1:1 กับเงินดอลลาร์ฮ่องกง และจะออกบน public blockchain พร้อมเป้าหมายเพื่อเป็นสกุลเงินดิจิทัลสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปและธุรกิจ
ข้อความบางส่วนจากประกาศของ HKMA เกี่ยวกับโครงการทดลองสำหรับผู้ออก Stablecoin เมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 ที่ผ่านมา
แม้ขณะนี้ HKMA ยังไม่ได้เปิดเผยรายชื่อผู้ออก stablecoin ที่ได้รับใบอนุญาต อย่างเป็นทางการ แต่การเคลื่อนไหวของ JD.com ครั้งนี้ถูกมองว่าอาจเป็นสัญญาณของการเตรียมเปิดตัวก่อนใครในตลาดที่กำลังร้อนแรงนี้
นอกจาก JD Coinlink แล้ว ผู้เข้าร่วมใน sandbox ยังมีบริษัทเทคโนโลยีและสถาบันการเงินรายใหญ่อย่าง RD InnoTech, Animoca Brands, Standard Chartered (สาขาฮ่องกง) และ Hong Kong Telecom ที่อยู่ระหว่างการทดสอบรูปแบบและแนวทางปฏิบัติร่วมกับภาครัฐ
บัญชีรายชื่อผู้ออก Stablecoin ที่ได้รับใบอนุญาตจากทางการฮ่องกงจาก HKMA
ทั้งนี้ JD Coinlink ได้มีการแจ้งเตือนผู้ใช้งานบนเว็บไซต์อย่างชัดเจนว่า ยังไม่มีการออกเหรียญอย่างเป็นทางการ และให้ระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่อ้างว่าเป็นตัวแทนจำหน่าย Jcoin หรือ Joycoin ก่อนวันเปิดตัวจริง
คำเตือนจาก JD Coinlink เกี่ยวกับมิจฉาชีพที่แอบอ้างว่าเป็นผู้ให้บริการ Stablecoin ของบริษัท
He Yifan ซีอีโอของ Red Date Technology กล่าวกับ Cointelegraph ว่า “การมาถึงของกฎคุม stablecoin ในฮ่องกงช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ทำให้ทั้งในจีนและฮ่องกงมีความเคลื่อนไหวในวงการนี้มากขึ้น” พร้อมเสริมว่าทางบริษัทกำลังผลักดันกระบวนการ KYC สำหรับ wallet บน public chain ด้วยลายเซ็นลับที่เชื่อมโยงกับ DID (Decentralized Identifiers) จากภาครัฐ
การเปิดตัวของ Jcoin และ Joycoin หากเกิดขึ้นทันช่วงกำหนดการของ HKMA อาจทำให้ JD.com กลายเป็นหนึ่งในผู้ออก stablecoin รุ่นแรกของฮ่องกง ภายใต้ระบบกำกับดูแลใหม่นี้ และมีบทบาทสำคัญต่อทิศทางของ stablecoin ในเอเชีย
ที่มา : cointelegraph

