Standard Chartered รายงานว่า บริษัทที่เน้นการถือครอง Ethereum ในฐานะสินทรัพย์สำรอง ได้ซื้อเหรียญ ETH รวมกันมากถึง 1% ของจำนวนเหรียญทั้งหมดตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน 2025
ความต้องการ Ethereum ที่เพิ่มขึ้นจากสถาบัน ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยสำคัญหลายประการ ได้แก่ กระแสเงินทุนที่ไหลเข้ากองทุน ETF ที่เน้น Ethereum, ฟังก์ชันการ Staking ของ ETH, และการใช้งานที่กว้างขวางในระบบ Defi ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ได้ผลักดันให้ราคา Ethereum มีผลตอบแทนที่ดีกว่า Bitcoin ในช่วงที่ผ่านมา
ที่มา: Standard Chartered
บริษัทใหญ่ ๆ อย่าง BitMine Immersion Technologies, Sharplink และผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง Ether Machine กำลังเป็นผู้นำในการสะสมเหรียญ Ethereum โดยขณะนี้ถือครอง ETH รวมกันแล้วมากกว่า 1.4 ล้าน ETH
Standard Chartered คาดการณ์ว่า ในอนาคต บริษัทเหล่านี้อาจถือครอง Ethereum ได้มากถึง 10% ของจำนวนเหรียญทั้งหมด ซึ่งนับเป็นการเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่าจากปัจจุบัน
การที่บริษัทต่างๆ หันมาให้ความสนใจ Ethereum มากขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพที่แตกต่างจาก Bitcoin โดยเฉพาะความสามารถในการ สร้างรายได้ผ่านการ Staking และการใช้งานในระบบ DeFi ซึ่งต่างจากกองทุน ETF Ethereum ในสหรัฐฯ ที่ยังถูกจำกัดไม่ให้เข้าร่วมกับการ Staking
ข้อได้เปรียบเหล่านี้ทำให้ Ethereum กลายเป็นสินทรัพย์สำรองทางการเงินที่น่าสนใจ
ในบรรดาบริษัทที่เข้าลงทุน BitMine Immersion Technologies ถือเป็นผู้ถือครอง Ethereum รายใหญ่ที่สุด โดยมีอยู่ราว 625,000 ETH หรือคิดเป็นประมาณ 0.52% ของจำนวนเหรียญหมุนเวียนทั้งหมด
นอกจากนี้ บริษัท BitMine Immersion Technologies ยังได้ประกาศแผนการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ และตั้งเป้าที่จะเพิ่มการถือครอง ETH ให้ได้ถึง 5% ของจำนวนเหรียญทั้งหมด ในอนาคต
ในขณะที่บริษัท Sharplink ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนใน Nasdaq ได้ทุ่มเงินถึง 290 ล้านดอลลาร์ เพื่อเข้าซื้อ Ethereum กว่า 438,000 ETH ภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์
ขณะเดียวกัน Ether Machine ซึ่งเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาด ก็กำลังวางแผนที่จะสร้างสินทรัพย์สำรอง Ethereum บนบล็อกเชนที่ใหญ่ที่สุด โดยตั้งเป้าถือครอง Ethereum มากกว่า 400,000 ETH ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ และเตรียมจดทะเบียนภายใต้สัญลักษณ์ “ETHM”
ที่มา : coinpaper

