ตลาดคริปโตกําลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อรายงานล่าสุดจากธนาคารระดับโลก Standard Chartered เผยว่า เงินทุนจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่กำลังหลั่งไหลเข้าสู่ Ethereum (ETH) ในอัตราที่เร็วกว่า Bitcoin (BTC) อย่างชัดเจน ซึ่งไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว แต่เป็นเทรนด์การลงทุนใหม่ที่น่าจับตา
นับตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทต่างๆ ได้เข้าซื้อ ETH ไปแล้วประมาณ 1% ของอุปทานทั้งหมด ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มหาศาล และที่สำคัญคือ กองทุน Ethereum ETF มีเม็ดเงินไหลเข้าเร็วกว่ากองทุน Bitcoin ETF ถึงสองเท่า สะท้อนให้เห็นจากราคา ETH ที่ปรับตัวขึ้นแซงหน้า BTC อย่างต่อเนื่อง
แรงหนุนสำคัญของ ETH มาจากการเข้าซื้อของบริษัทต่างๆ และสถิติการลงทุนในกองทุน Ethereum ETF ที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ราคา ETH ยังต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $4,890 อยู่ 21% แต่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามีแนวโน้มที่จะทะลุ $4,000 ได้ก่อนสิ้นปีนี้ หากเม็ดเงินลงทุนยังคงไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
รายงานยังชี้อีกว่า บริษัทที่ถือครอง ETH มีศักยภาพเติบโตสูงกว่าบริษัทที่ถือครอง Bitcoin โดยมีข้อได้เปรียบจากด้านกฎระเบียบที่ทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากผลตอบแทนจากการ Staking และ DeFi
สิ่งที่น่าจับตาคือ Standard Chartered คาดการณ์ว่า บริษัทต่างๆ อาจเข้าถือครอง ETH ได้มากถึง 10% ของอุปทานทั้งหมดในอนาคต ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าจากปัจจุบัน โดยขณะนี้ BitMine Immersion Tech ถือครอง ETH มากสุดในกลุ่มบริษัทเอกชนที่ 625,000 ETH พร้อมแผนซื้อหุ้นคืน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และตั้งเป้าเพิ่มการถือครองเป็น 5% ของอุปทานทั้งหมด
ด้าน Sharplink ซึ่งจดทะเบียนใน Nasdaq ก็เพิ่งเข้าซื้อ ETH เพิ่มอีก 77,210 ETH ทำให้มียอดรวมกว่า 438,190 ETH นอกจากนี้ ในตลาดยังมีผู้เล่นหน้าใหม่อย่าง Ether Machine ที่ประกาศแผนจะสร้างคลังสำรอง 400,000 ETH มูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจะเข้าเทรดใน Nasdaq ภายใต้สัญลักษณ์ “ETHM” ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณชัดเจนว่า การแย่งชิงการถือครอง ETH กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
ที่มา:blocknews

