ในโอกาสครบรอบ 10 ปีของ Ethereum นักพัฒนาหลัก Justin Drake ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับภัยคุกคามจากควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของเครือข่าย Ethereum ในอนาคต
Justin Drake ได้เสนอแนวทางให้ Ethereum เตรียมรับมือด้วยการปรับเปลี่ยนระบบการเข้ารหัสทั้งหมดไปใช้ “การเข้ารหัสแบบ Hash-Based” บน Layer 1 ซึ่งรวมถึงลายเซ็นดิจิทัลและ zkVMs (Zero-Knowledge Virtual Machines) และส่วนอื่นๆ
แม้รายละเอียดทางเทคนิคจะมีความซับซ้อน แต่สาระสำคัญคือ การเตรียมความพร้อมอย่างจริงจัง เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากควอนตัมคอมพิวเตอร์ในอนาคต
Justin Drake เรียกแนวคิดนี้ว่า “Lean Ethereum” โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการทรัพยากรจำนวนมหาศาลของเครือข่าย ทั้งในด้านปริมาณการทำธุรกรรม และความสามารถในการประมวลผล
Justin Drake ตั้งเป้าให้ Ethereum สามารถรองรับได้ถึง 1 พันล้านแก๊สต่อวินาที และจัดการธุรกรรมได้ 10,000 รายการต่อวินาที บนเลเยอร์หลัก (Layer 1) ส่วนบน Layer 2 รองรับได้ถึง 1 ล้านรายการต่อวินาที
Justin Drake ได้เน้นย้ำว่า Ethereum จะต้องไม่เพียงแต่ต้านทานควอนตัมคอมพิวเตอร์ได้เท่านั้น แต่ยังต้องรักษาความ decentralize และความสามารถในการต้านทานแรงแทรกแซงจากรัฐ เอาไว้ด้วย
ซึ่ง Justin Drake ได้เปรียบเทียบว่า สิ่งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องทางเทคนิค แต่เป็นเหมือนกับ “ศิลปะ” ที่ต้องอาศัยการออกแบบที่สวยงาม และมีความประณีต
นอกจาก Justin Drake แล้ว Vitalik Buterin ก็เคยพูดถึงประเด็นนี้ผ่านแผน “The Splurge” ซึ่งเป็นการเสนอการอัปเกรด เพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากเทคโนโลยีควอนตัม
ขณะที่ Usi Zade จาก Bitget ก็ออกมาเตือนเช่นกันว่า แม้ในตอนนี้ควอนตัมคอมพิวเตอร์จะยังไม่สามารถทำลายระบบการเข้ารหัสของ Ethereum ได้ แต่การเตรียมพร้อมล่วงหน้าเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยี Hash-Based Cryptography ที่เสนอมานี้ ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และการนำมาใช้งานจริงจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานอย่างลึกซึ้งทั่วทั้งเครือข่าย ไม่ใช่เพียงแค่การแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดเท่านั้น
เรียกได้ว่า ทีมพัฒนา Ethereum ไม่ได้นิ่งนอนใจ กำลังวางแผนล่วงหน้า เพื่อให้เครือข่าย Ethereum มีความปลอดภัยในอนาคตอีกหลายสิบปีข้างหน้า
ที่มา : beincrypto

