Visa เดินหน้าสู่โลกคริปโตอย่างต่อเนื่อง เพิ่มการรองรับเหรียญ Stablecoin และบล็อกเชนใหม่เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น
ในขณะเดียวกัน Stablecoin ก็ยังคงเป็นหนึ่งในแนวโน้มที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในปีนี้
มัดรวมทุกอย่างไว้ด้วยกัน
ในแถลงการณ์อย่างเป็นทางการที่แชร์ถึงนักลงทุน Visa ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการชำระเงินผ่านบัตรที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ได้ประกาศว่า บริษัทกำลังเพิ่มการรองรับ Stablecoin ที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐอีก 2 เหรียญ, บล็อกเชนอีก 2 เครือข่าย และ Stablecoin ที่ผูกกับยูโร (EURC) เพื่อเสริมความหลากหลายของแพลตฟอร์ม
บริษัทได้จับมือกับ Paxos ซึ่งจะนำเหรียญ Global Dollar (USDG) และ PayPal USD (PYUSD) เข้าสู่ระบบของ Visa
นอกเหนือจากการรองรับเครือข่าย Ethereum และ Solana ที่มีอยู่ก่อนแล้ว Visa ยังได้เพิ่มการรองรับบล็อกเชน Stellar และ Avalanche และยังมีการเพิ่ม EURC ซึ่งเป็น Stablecoin ที่ออกโดย Circle และผูกกับเงินยูโรอีกด้วย
“Visa กำลังสร้างรากฐานแบบ multi-coin และ multi-chain เพื่อรองรับความต้องการของพาร์ทเนอร์ทั่วโลก”
Rubail Birwadker หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์การเติบโตระดับโลกและพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ กล่าว
“เรามองว่าเมื่อ Stablecoin ได้รับความไว้วางใจ, ขยายตัวได้ และสามารถใช้งานข้ามระบบได้อย่างราบรื่น พวกมันสามารถเปลี่ยนวิธีการเคลื่อนย้ายเงินทั่วโลกได้อย่างสิ้นเชิง”
ปัจจุบันเครือข่ายของ Visa ได้รวม Stablecoin ทั้งหมด 4 เหรียญ และรองรับบล็อกเชน 4 เครือข่าย หลังจากหลายปีของการทดสอบในโลกจริงและความร่วมมือกับพันธมิตร
ตัวอย่างที่น่าสนใจคือการร่วมมือกับ Bridge เมื่อต้นปีนี้ ซึ่งเป็นบริการในเครือของ Stripe ที่ทำให้สามารถใช้บัตร Visa ที่เชื่อมกับ Stablecoin ได้ในร้านค้าทั่วละตินอเมริกาที่รองรับ โดย Bridge จะหักเงินจาก Stablecoin และแปลงเป็นสกุลเงินท้องถิ่นแบบอัตโนมัติ คล้ายกับการทำธุรกรรมทั่วไป
แรงขับเคลื่อนสำคัญ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า Stablecoin ได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับสถาบันที่เริ่มใช้คริปโต โดย มูลค่ารวมของ Stablecoin เพิ่มขึ้นสองเท่าตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ตามข้อมูลจาก DefiLlama ปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่กว่า 265 พันล้านดอลลาร์
จากข้อมูลของแพลตฟอร์ม Ivy Analytics พบว่า 90% ของธุรกิจในปี 2025 เคยทดลองหรือใช้งาน Stablecoin แล้ว โดยเหตุผลหลักคือการลดต้นทุนการชำระเงินข้ามประเทศ และการบริหารจัดการสภาพคล่อง
กฎหมาย GENIUS Act ซึ่งลงนามรับรองเมื่อเดือนที่แล้ว ได้วางกรอบกำกับดูแลอย่างชัดเจน และสร้างความมั่นใจให้กับทั้งภาคธุรกิจ, ภาครัฐ และนักลงทุนทั่วไป
ในปัจจุบัน ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง JPMorgan, Goldman Sachs และ Citi ได้ออกมาแสดงความเห็นและแนวทางในการสำรวจหรือผนวก Stablecoin เข้ากับระบบปฏิบัติการทางการเงินของตน
ที่มา : CryptoPotato

