<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Standard Chartered ชี้ ‘บริษัทคลัง Ethereum’ น่าสนใจกว่ากองทุน ETH ETF ในสหรัฐฯ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Geoffrey Kendrick หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกของธนาคาร Standard Chartered ระบุว่า บริษัทที่ถือ Ethereum ในลักษณะเป็น “คลังสำรอง” เริ่มกลายเป็นบริษัทที่น่าลงทุนและอาจให้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนในกองทุน Spot Ethereum ETF ในสหรัฐฯ  

Geoffrey Kendrick ระบุว่า อัตราส่วน NAV multiple (มูลค่าบริษัท เทียบกับมูลค่า ETH ที่ถือครอง) ของบริษัทคลัง ETH ได้กลับมาเป็นปกติ และน่าจะทรงตัวอยู่เหนือระดับ 1.0 ต่อไปเรื่อย ๆ ทำให้เป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุน มากกว่ากองทุน ETF ETH ของสหรัฐฯ 

“ผมไม่เห็นเหตุผลว่า ทำไม NAV multiple ของบริษัทคลัง Ethereum จะต่ำกว่า 1.0” 

Geoffrey Kendrick กล่าวเสริมว่า เมื่อมูลค่า NAV ของบริษัทเหล่านี้กลับมาเป็นปกติบริษัทคลัง ETH จะสามารถเข้าถึงการเติบโตของราคา, ผลตอบแทนจากการ Staking และการเพิ่มขึ้นของจำนวน ETH ต่อหุ้น ได้ดีกว่ากองทุน Spot ETH ETF ในสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบัน กองทุน Spot ETH ETF ไม่สามารถนำ ETH ไป Staking หรือเข้าร่วมในระบบการเงินแบบกระจายอำนาจได้

Geoffrey Kendrick ยังได้เน้นถึงมูลค่า NAV ของบริษัท SharpLink Gaming (SBET) เป็นพิเศษ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Consensys และผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum อย่าง Joe Lubin โดยบริษัท SharpLink Gaming (SBET) นี้ ถือครองสินทรัพย์ ETH มาอย่างยาวนาน และปัจจุบันมูลค่า NAV ของ SBET ก็กลับมาอยู่ที่ระดับที่สูงกว่า 1 เพียงเล็กน้อย

อัตราส่วนมูลค่าตลาดต่อมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของ SBET ที่มา: Standard Chartered

Geoffrey Kendrick เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทคลัง Ethereum ได้กว้านซื้อ ETH ไปแล้วกว่า 1.6% ของอุปทาน ETH ทั้งหมด เทียบเท่ากับปริมาณที่ กองทุน ETH ETF เข้าซื้อ ETH ในช่วงเวลาเดียวกัน

ซึ่ง Geoffrey Kendrick เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่า บริษัทคลัง Ethereum กลุ่มนี้อาจขยายการถือครอง ETH จนแตะ 10% ของอุปทานทั้งหมด หรือมากกว่าในปัจจุบันถึง 10 เท่า

ยอดซื้อสุทธิตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ที่มา: Standard Chartered

Geoffrey Kendrick กล่าวต่อไปว่า บริษัทคลัง ETH เป็นบริษัทที่มีศักยภาพมากกว่าบริษัทที่เน้นการลงทุนใน Bitcoin เนื่องจาก ETH สามารถสร้างผลตอบแทนจากการ Staking ได้ประมาณ 3% และยังสามารถใช้เป็นหลักประกันในระบบ DeFi เพื่อเพิ่มเลเวอเรจ ซึ่งเป็นสิ่งที่กองทุน ETH ETF ในสหรัฐฯ ยังไม่สามารถทำได้

Geoffrey Kendrick ยังเปรียบเทียบการเติบโตของบริษัทที่ถือครอง Ethereum อีกว่าคล้ายกับช่วงที่บริษัท MicroStrategy เริ่มเข้าสะสม Bitcoin ในอดีต แต่ Geoffrey Kendrick มองว่า ETH มีแนวโน้มที่จะเติบโตเร็วกว่า เพราะ ETH ได้รับการยอมรับให้เป็นสินทรัพย์สำรองในระดับองค์กรมากขึ้น และยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในตัวเองผ่านการ Staking

ในบรรดาบริษัทที่ถือครอง ETH นั้น Geoffrey Kendrick ชี้ให้เห็นว่า BitMine (BMNR) เป็นผู้ถือครอง ETH รายใหญ่ที่สุด และตั้งเป้าจะถือครอง ETH ให้ได้ถึง 5% ของอุปทานเหรียญทั้งหมด

ซึ่งรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของบริษัท SharpLink ที่กำลังจะเผยแพร่ในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ อาจให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเติบโตของสินทรัพย์ ETH ในตลาด 

ในขณะที่รายงาน ราคา Ethereum กำลังซื้อขายอยู่ที่ 3,672.6 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2.46 % ภายใน 24 ชั่วโมง ที่ผ่านมา อ้างอิงข้อมูลจาก coinmarketcap

คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ที่มา : theblock