ฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยที่ทรงอิทธิพลและอนุรักษ์นิยมที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ไปทั่วทั้งวงการการเงินและการศึกษา ด้วยการเปิดเผยว่าหน่วยงานด้านการลงทุนของมหาวิทยาลัยได้เข้าซื้อกองทุน iShares Bitcoin Trust ETF (IBIT) ของ BlackRock เป็นมูลค่าสูงถึง 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การเคลื่อนไหวที่ไม่เคยมีมาก่อนนี้ถือเป็น “จุดเปลี่ยน” ครั้งประวัติศาสตร์ และเป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่า Bitcoin กำลังจะได้รับการยอมรับในฐานะ “สินทรัพย์ที่ถูกกฎหมาย” ในพอร์ตการลงทุนของสถาบันที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ตามเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ (SEC) หน่วยงานด้านการลงทุนของฮาร์วาร์ดได้เข้าซื้อหุ้นของกองทุน IBIT จำนวน 1.9 ล้านหุ้น การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้เป็นการเดิมพันที่โดดเดี่ยว แต่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลายของมหาวิทยาลัย ซึ่งมีการถือครองหุ้นในบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Microsoft, Amazon, Alphabet และ Nvidia ควบคู่ไปกับสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำผ่านกองทุน SPDR Gold Trust การนำ Bitcoin เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนเคียงข้างกับสินทรัพย์เหล่านี้ จึงเป็นการส่งสารที่ทรงพลังว่า ฮาร์วาร์ดกำลังมอง Bitcoin ในฐานะเครื่องมือ “ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ” และเป็น “แหล่งสร้างผลตอบแทนในระยะยาว”
แม้ว่าเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจในครั้งนี้จะยังไม่ถูกเปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการ แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่านี่คือ “การปรับกลยุทธ์เชิงยุทธศาสตร์” มากกว่าที่จะเป็นการ “เก็งกำไร” ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น สถาบันการเงินต่างๆ กำลังถูกบีบให้ต้องประเมินรูปแบบการจัดสรรพอร์ตการลงทุนแบบดั้งเดิมใหม่อีกครั้ง การที่ผู้นำทางความคิดอย่างฮาร์วาร์ดเลือกที่จะก้าวเข้ามาในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัล จึงไม่เพียงแต่จะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือครั้งใหญ่ให้กับโมเดลของกองทุน ETF เท่านั้น แต่ยังอาจกลายเป็น “ตัวเร่งปฏิกิริยา” ที่จะกระตุ้นให้สถาบันอื่นๆ ทั่วโลกต้องหันมาพิจารณา Bitcoin อย่างจริงจังมากขึ้นนับจากนี้ไป
ที่มา: ainvest

