ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของสหรัฐอเมริกาในการจัดระเบียบโลกสินทรัพย์ดิจิทัล เมื่อกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ออกประกาศเชิญชวนสาธารณชนร่วมแสดงความคิดเห็น (Request for Comment) อย่างเป็นทางการ การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นไปตามข้อบังคับของกฎหมาย “Guiding and Establishing National Innovation for U.S. Stablecoins (GENIUS) Act” ซึ่งเป็นกฎหมายที่ถูกจับตามองอย่างยิ่ง เพราะมีเป้าหมายเพื่อวางรากฐานกรอบการกำกับดูแลสำหรับผู้ออกเหรียญ Stablecoin ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะ
การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงนโยบายที่จริงจังของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี ที่ต้องการส่งเสริมการเติบโตของนวัตกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมีความรับผิดชอบและปลอดภัย ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของคำสั่งผู้บริหาร (Executive Order) ฉบับที่ 14178 ว่าด้วย “การเสริมสร้างความเป็นผู้นำของอเมริกาในด้านเทคโนโลยีการเงินดิจิทัล” การออกกฎหมาย GENIUS Act และคำสั่งผู้บริหารนี้ ถือเป็นการทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ในเวทีสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงของชาติไปพร้อมกัน
หัวใจหลักของการเปิดรับฟังความเห็นในครั้งนี้ คือการระดมสมองจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไปหรือองค์กรต่างๆ เพื่อหาแนวทางและกลยุทธ์เชิงนวัตกรรมที่สถาบันการเงินสามารถนำมาปรับใช้ในการตรวจจับและป้องกันกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมายซึ่งเกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล
โดยกระทรวงการคลังได้ระบุหัวข้อเทคโนโลยีที่ต้องการความคิดเห็นเป็นพิเศษ เพื่อนำไปศึกษาและพัฒนานโยบายต่อไป ดังนี้
- Application Program Interfaces (API) แนวทางการใช้ API เพื่อเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลในการตรวจสอบธุรกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ
- ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) การประยุกต์ใช้ AI ในการวิเคราะห์รูปแบบธุรกรรมที่ซับซ้อนและผิดปกติ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการฟอกเงินหรืออาชญากรรมทางการเงิน
- การยืนยันตัวตนดิจิทัล (Digital Identity Verification) เทคนิคและเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของลูกค้าในโลกดิจิทัลให้มีความแม่นยำและปลอดภัย
- การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและการตรวจสอบ ( Blockchain Technology and Monitoring) กลยุทธ์ในการใช้ประโยชน์จากความโปร่งใสของบล็อกเชนเพื่อติดตามและตรวจสอบเส้นทางการเงินที่น่าสงสัย
กระทรวงการคลังยอมรับว่า แม้เครื่องมือและเทคโนโลยีล้ำสมัยเหล่านี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับการต่อสู้กับอาชญากรรมทางการเงิน แต่ในทางกลับกัน ก็อาจสร้างภาระด้านต้นทุนและทรัพยากรให้กับสถาบันการเงินได้เช่นกัน ดังนั้น ข้อมูลและความคิดเห็นที่รวบรวมได้จากสาธารณชนจะถูกนำไปใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการศึกษาวิจัยอย่างรอบด้าน ทั้งในมิติของประสิทธิภาพ, ต้นทุน, ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์ ตลอดจนข้อควรพิจารณาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือเหล่านี้ ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่ระบุไว้ในกฎหมาย GENIUS Act
ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 9(a) ของกฎหมาย GENIUS Act ผู้ที่สนใจ ทั้งบุคคลทั่วไปและองค์กรต่างๆ สามารส่งความคิดเห็นภายใน 60 วันนับจากวันที่ประกาศใน Federal Register ซึ่งกำหนดเส้นตายไว้ในวันที่ 17 ตุลาคม ทั้งนี้ ความคิดเห็นทั้งหมดที่ส่งเข้าไปจะถูกเผยแพร่สู่สาธารณะเพื่อให้เกิดความโปร่งใส โดยสามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ www.regulations.gov
ที่มา: กระทรวงการคลังสหรัฐ