อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ถูกจับตามองอีกครั้ง หลังมีรายงานว่าได้เปิดโต๊ะหารือกับนักลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกในกรุงเทพฯ เพื่อผลักดันไทยสู่การเป็น ศูนย์กลางคริปโต (Crypto Hub) ของอาเซียน การประชุมมีผู้เล่นสำคัญเข้าร่วม อาทิ UTXO Management ของ David Bailey ที่ปรึกษาคริปโตใกล้ชิด Donald Trump, Metaplanet จากญี่ปุ่น, Nakamoto Holdings, Sora Ventures และ Kliff Capital จากไทย
หนึ่งในข้อเสนอที่ถูกหยิบยกคือการตั้ง “กองทุนสำรองเชิงยุทธศาสตร์” (Sovereign Strategic Reserve) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันระบบการเงินไทยระยะยาว โดยใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ ซึ่งสอดคล้องกับกระแสโลกที่หลายประเทศเริ่มนำ Bitcoin และคริปโตเข้าสู่พอร์ตสำรอง
แม้ไทยยังเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของอาเซียน แต่ก็เผชิญปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง การเติบโตที่ชะลอตัว และการท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ การผลักดันไทยเป็น Crypto Hub จึงถูกมองว่าอาจสร้างแรงขับใหม่ ดึงดูดการลงทุน การจ้างงาน และนวัตกรรมทางการเงินเข้าประเทศ
อย่างไรก็ดี บทบาทของทักษิณยังไม่พ้นแรงเสียดทานจากคดีคอร์รัปชันและประเด็นทางการเมืองในอดีต ซึ่งอาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าครั้งนี้ แต่ในอีกด้านหนึ่ง เครือข่ายระดับโลกและชื่อเสียงของเขาอาจช่วยเพิ่มน้ำหนักให้นักลงทุนต่างชาติมองไทยในมุมที่น่าสนใจขึ้น
การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่า คริปโตไม่ได้หยุดอยู่แค่การลงทุน แต่กำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจและการทูต หากไทยสร้างสมดุลได้ระหว่างการเป็นศูนย์กลางคริปโตกับเสถียรภาพการเงินภายใน ประเทศอาจก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญของภูมิภาคในอนาคต
ที่มา : @WhaleInsider

