<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

“คริปโต” กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในชีวิตประจำวันของชาวเวเนซุเอลาได้อย่างไร ?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ขณะที่หลายประเทศยังคงถกเถียงกันถึงการยอมรับคริปโตเคอร์เรนซี ประเทศเวเนซุเอลากลับเลือกใช้คริปโต โดยเฉพาะ USDT ให้เป็นเสาหลักทางการเงินของประเทศ เพื่อเป็นทางรอดจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ย่ำแย่

ตามรายงานจาก Chainalysis 2024 Global Crypto Adoption Index ระบุว่า การใช้งานคริปโต ในเวเนซุเอลาพุ่งขึ้นถึง 110% เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้ประเทศเวเนซุเอลาติดอันดับที่ 13 ของโลก ในด้านการยอมรับคริปโต

สกุลเงินท้องถิ่นของเวเนซุเอลาอย่าง เงินโบลิวาร์ กำลังเผชิญกับภาวะค่าเงินร่วงอย่างรุนแรง หลังจากที่รัฐบาลยุติการพยุงค่าเงิน ในช่วงปลายปี 2023 ส่งผลให้ค่าเงินโบลิวาร์สูญเสียมูลค่าไปมากกว่า 70% และเมื่อเข้าสู่เดือนพฤษภาคม 2025 อัตราเงินเฟ้อก็พุ่งสูงถึง 229% ท่ามกลางค่าจ้างแรงงานที่ลดลง ค่าของเงินที่พังทลาย และการเข้าถึงระบบธนาคารที่ถูกจำกัด ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจเช่นนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หากไม่มีทางเลือกอื่นเข้ามาช่วย

ทั้งประชาชนและธุรกิจต่าง ๆ จึงหันมาใช้ stablecoin อย่าง USDT เป็นแหล่งเก็บมูลค่า และช่องทางชำระเงินที่เชื่อถือได้มากกว่า

สิ่งที่เคยดูเป็นการใช้งานเฉพาะกลุ่ม กลับกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ร้านแผงลอยข้างถนน ไปจนถึงห้างสรรพสินค้าใหญ่ ต่างก็เริ่มรับชำระเงินด้วยคริปโตผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Binance และ Airtm  บางบริษัทถึงกับจ่ายเงินเดือนพนักงานด้วย stablecoin 

ซึ่งเจ้าของร้านเทคโนโลยีในคารากัส กล่าวว่า “การรับ USDT กลายเป็นความจำเป็นในการแข่งขันทางธุรกิจไปแล้ว”

แม้แต่ภาคการศึกษาก็เริ่มปรับตัว มหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างน้อยหนึ่งแห่งในเวเนซุเอลาเริ่มเปิดหลักสูตรการเงินดิจิทัลและบล็อกเชน เพื่อเตรียมคนรุ่นใหม่ให้พร้อมรับมือกับอนาคตที่คริปโตจะมีบทบาทมากยิ่งขึ้น นี่แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่แค่ชั่วคราว แต่เป็นการปรับโครงสร้างระยะยาว

ข้อมูลเดือนกุมภาพันธ์ แสดงให้เห็นว่า การใช้งานคริปโตขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งละตินอเมริกา มีประชาชนราว 57.7 ล้านคน ถือครองคริปโต คิดเป็น 12.1% ของประชากรทั้งหมด

ซึ่งการยอมรับคริปโตอย่างกว้างขวางในเวเนซุเอลา ไม่ได้เกิดจากความต้องการนวัตกรรม แต่เกิดจากความจำเป็น เนื่องจากเงินเฟ้อที่พุ่งสูง ค่าจ้างที่ต่ำมาก การขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ และการเข้าถึงบริการธนาคารที่จำกัด ล้วนบีบบังคับให้ประชาชนหันไปพึ่งสินทรัพย์ดิจิทัล

แม้จะมีความต้องการสูง แต่การใช้งานก็ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป การคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ทำให้การเข้าถึงแพลตฟอร์ม crypto ถูกจำกัด ผู้ใช้บางรายพบว่า Binance ถูกปิดกั้นในเวเนซุเอลา นอกจากนี้ยังมีปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น อินเทอร์เน็ตที่ไม่เสถียร ซึ่งขัดขวางการใช้งานอย่างต่อเนื่อง

เมื่อพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศเวเนซุเอลา คริปโตน่าจะยังคงเป็นเครื่องมือทางการเงินที่จำเป็นสำหรับทั้งบุคคลและองค์กรต่อไปอีกยาวนาน เวเนซุเอลาจึงกลายเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของการใช้คริปโต ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่เพื่อการเก็งกำไรหรือนวัตกรรม แต่เพื่อความอยู่รอด

ที่มา : coinedition