ต่อให้ไม่ใช่สายเทคนิค หลายคนก็น่าจะได้ยินคำว่า บล็อกเชน “Layer-2” กับแบบถี่ยิบในปีนี้ พูดง่าย ๆ ก็คือ บล็อกเชนเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้การใช้ Ethereum “เร็วขึ้น-ถูกลง” แบบไม่ละทิ้งความปลอดภัยของเครือข่ายหลัก (L1) แนวคิดคือ L2 จะรวบธุรกรรมจำนวนมากเพื่อ “ม้วน” ส่งขึ้นไปยืนยันบน Ethereum ทีเดียวจบ (เรียกว่าระบบ rollup) จึงช่วยให้ประหยัดทั้งค่าก๊าซและขยายปริมาณธุรกรรมได้ โดยความถูก-แพงและความเร็วขึ้นกับดีไซน์ของแต่ละเครือข่าย เช่น Optimistic rollup อย่าง Arbitrum, Optimism (OP Mainnet) และ Base ซึ่งเป็นเครือข่ายที่เราจะนำมาเป็นตัวอย่างในบทความนี้

สิ่งที่หลายคนสนใจคือ “ตัวเลขจริง” ณ ตอนนี้ L2 ใหญ่ ๆ กำลังโตแค่ไหน? ถ้าดูมูลค่าสินทรัพย์ที่ถูกล็อก/ค้ำประกันบนเครือข่าย (TVS/TVL) จะเห็นว่า Arbitrum One มีทรัพย์สินที่ถูกล็อคบนเครือข่ายกว่า 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ และจัดอยู่ใน Stage 1 สื่อถึงความสุกงอมของสถาปัตยกรรมและการกำกับดูแลในระดับหนึ่ง

ขณะที่ Base ซึ่งสร้างบน OP Stack ของ Optimism กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่าสินทรัพย์รวมที่ถูกล็อกไว้ (TVS) สูงถึงประมาณ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ และอยู่ใน Stage 1 เช่นกัน

ด้าน OP Mainnet (Optimism) เองมี TVS ประมาณ 3.62 พันล้านดอลลาร์ และอยู่ใน Stage 1

นอกเหนือจากตัวเลขมูลค่าสินทรัพย์รวมที่ถูกล็อกไว้ (TVS/TVL) แล้ว การวัดความสำเร็จของเครือข่ายบล็อกเชนยังสามารถดูได้จากปริมาณการใช้งานจริง เช่น จำนวนธุรกรรมในแต่ละวัน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ความต้องการจากผู้ใช้งานและแอปพลิเคชันแบบ Mass-market ได้เป็นอย่างดี
โดย Base ได้สร้างสถิติที่น่าประทับใจด้วยจำนวนธุรกรรมรายวันสูงสุดถึง 14,033,902 ครั้ง เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2025 ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงความต้องการใช้งานที่สูงมาก

นอกจากนี้ รายได้ของเครือข่ายก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลการวิเคราะห์จาก Galaxy Research ชี้ว่าในช่วง 180 วันที่ผ่านมา Base มีรายได้เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ประมาณ 185,000 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่า Arbitrum ที่มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 55,000 ดอลลาร์อย่างมีนัยสำคัญ
ในขณะที่ Optimism (OP) ทำสถิติธุรกรรมสูงสุดไป เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2025 Optimism (OP) และได้ทำลายสถิติธุรกรรมสูงสุดรายวันด้วยจำนวน 2,351,977 รายการ ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของเครือข่าย

สำหรับ Arbitrum ยังคงเป็นหนึ่งในเครือข่าย Layer-2 ที่มีความนิยมสูงบน Ethereum โดยเฉพาะในด้านปริมาณธุรกรรมและการใช้งานจริงของผู้ใช้

ข้อมูลจาก Arbiscan แสดงให้เห็นว่า Arbitrum One มียอดธุรกรรมสูงสุดรายวันที่ 5,095,095 รายการ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2023 Arbitrum L2 Explorer ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของเครือข่ายในขณะนั้น
อย่างไรก็ตาม ในปี 2025 ปริมาณธุรกรรมรายวันของ Arbitrum กลับค่อย ๆ ลดลง โดยในช่วง เดือนกรกฎาคม 2025 มียอดธุรกรรมเฉลี่ยประมาณ 900,000 รายการต่อวัน แม้ปริมาณธุรกรรมจะลดลง แต่ Arbitrum ยังคงเป็นผู้นำในด้านการสร้างรายได้จาก ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม โดยมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 5–10% ของเครือข่าย Layer-2 ทั้งหมด
ค่าธรรมเนียม L2 ถูกขึ้นจริงไหม หลังอัปเกรด Dencun
สำหรับคำถามยอดฮิตถัดไปคือ “ค่าธรรมเนียม L2 ถูกขึ้นจริงไหม?” คำตอบคือจริงครับ และถูกลงอย่างเห็นได้ชัด หลังอัปเกรด Dencun
หลังจากการอัปเกรด Dencun ซึ่งช่วยลดต้นทุนการโพสต์ข้อมูล (blob) ค่าธรรมเนียมบนเครือข่ายเลเยอร์ 2 (L2) ส่วนใหญ่จึงลดลงมาอยู่ในระดับ “หลักเซนต์จนถึงไม่กี่สิบเซนต์” ต่อธุรกรรมเท่านั้น
คุณสามารถตรวจสอบค่าธรรมเนียมล่าสุดได้แบบเรียลไทม์ที่เว็บไซต์ l2fees.info หรือบนแดชบอร์ดเปรียบเทียบของ The Block

แล้ว L2 ทั้งสามต่างกันยังไงในมุม “มือใหม่เลือกเชนไหนดี”
เมื่อพิจารณาเครือข่าย L2 ที่ได้รับความนิยม จะเห็นว่าแต่ละเครือข่ายมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป
Arbitrum
- จุดเด่น: มีสภาพคล่องในระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ ( DeFi) ที่ลึกที่สุด รวมถึงมีโปรโตคอลสำหรับการเทรดอนุพันธ์และผลตอบแทนให้เลือกมากมาย
- เหมาะกับใคร: ผู้ที่ต้องการสภาพคล่องสูง และผู้ที่ต้องการใช้งานร่วมกับโปรโตคอลชั้นนำจำนวนมาก
- ข้อมูลเพิ่มเติม: ตัวเลข TVS (Total Value Secured) หรือมูลค่าสินทรัพย์ที่ล็อกอยู่ในระบบที่สูงที่สุด
Optimism (OP Mainnet)
- จุดเด่น: เป็นเชนต้นแบบของ OP Stack และกำลังเร่งพัฒนาโครงการ “Superchain” ซึ่งมีเป้าหมายให้เชนในตระกูล OP สามารถสื่อสารและทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น
- เหมาะกับใคร: นักพัฒนาที่ต้องการการสนับสนุนจากระบบนิเวศ หรือผู้ที่ต้องการเกาะกระแสของ Superchain
- ข้อมูลเพิ่มเติม: การอัปเกรดครั้งใหญ่ Upgrade #16 ในช่วงกลางปี 2025 จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดัน Superchain
Base
- จุดเด่น: โดดเด่นด้านการใช้งานจริงและแอปพลิเคชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป เช่น เกม โซเชียล และแอปสำหรับครีเอเตอร์
- เหมาะกับใคร: ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการค่าธรรมเนียมต่ำ และนักพัฒนาที่ต้องการเข้าถึงฐานผู้ใช้จำนวนมาก
- ข้อมูลเพิ่มเติม: ตัวเลขธุรกรรมและรายได้ที่หนาแน่นแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่สูงในเครือข่ายนี้
เริ่มต้นใช้งาน L2 ภายใน 10 นาที (สำหรับมือใหม่)
หากคุณเป็นมือใหม่และอยากทดลองใช้เครือข่าย L2 ด้วยตัวเอง นี่คือแนวทางง่าย ๆ ที่ทำตามได้ภายใน 10 นาที :
- เปิดใช้งานวอลเล็ต: ใช้ MetaMask หรือ OKX Wallet แล้วเพิ่มเครือข่ายที่คุณต้องการ เช่น Arbitrum, Optimism, หรือ Base ซึ่งส่วนใหญ่จะมีปุ่มให้เพิ่มเครือข่ายโดยอัตโนมัติจากหน้าเว็บไซต์ของแต่ละเชน
- โอนเหรียญเข้า L2: โอนเหรียญของคุณเข้าสู่เครือข่าย L2 โดยใช้สะพาน (Bridge) อย่างเป็นทางการ หรือเลือกใช้ CEX (กระดานเทรดแบบรวมศูนย์) ในประเทศไทยที่รองรับการถอนเหรียญไปยังเครือข่ายนั้นโดยตรง
- ทดลองทำธุรกรรมเล็ก ๆ: ลองทำธุรกรรมสวอป (Swap) เหรียญเล็ก ๆ บน DEX เพื่อทดสอบค่าธรรมเนียมและความเร็ว หากพอใจแล้วค่อยเพิ่มขนาดการลงทุน
- ติดตามค่าธรรมเนียม: เข้าไปที่ l2fees.info เพื่อตรวจสอบค่าธรรมเนียมแบบเรียลไทม์ และเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทำธุรกรรม
สรุปภาพรวม L2: ทำไมจึงเป็นอนาคตของ Ethereum?
L2 คือคำตอบทางวิศวกรรมที่ทำให้ Ethereum ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน โดยสามารถแก้ไขปัญหาค่าธรรมเนียมสูงและความล่าช้าของเครือข่ายหลักได้ ในขณะที่ยังคงความปลอดภัยของ L1 ไว้ได้อย่างครบถ้วน
ปัจจุบัน L2 ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนและผู้ใช้งานอย่างจริงจัง ดังจะเห็นได้จากมูลค่าสินทรัพย์ที่ถูกล็อกอยู่ในระบบ (TVS) ที่สูงมาก เช่น Arbitrum (~$1.9 หมื่นล้าน ), Base (~$1.4 หมื่นล้าน), และ Optimism (~$3.6 พันล้าน)
ในการเลือกใช้ L2 แต่ละเชน คุณควรพิจารณาสามปัจจัยหลัก ได้แก่:
- ค่าธรรมเนียมและความเร็ว: เครือข่ายไหนมีค่าใช้จ่ายถูกและประมวลผลได้รวดเร็วกว่า
- สภาพคล่องและแอปพลิเคชันที่ต้องการใช้: เครือข่ายใดมีสภาพคล่องสูงและมีแอปพลิเคชันที่คุณสนใจ
- มาตรฐานและทิศทางของระบบนิเวศ: พิจารณาว่าเครือข่ายนั้นมีทิศทางการพัฒนาไปในทางใด เช่น Superchain ของ Optimism เป็นต้น

