เมื่อวานนี้ (10 ก.ย.) Charles Hoskinson ผู้ก่อตั้ง Cardano กลับมาตอกย้ำคำทำนายเดิมของเขาอีกครั้งเกี่ยวกับอนาคตที่มืดมนของ Ethereum โดยเขาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อข่าวคริปโตว่า Ether กำลังดำเนินไปในทิศทางที่ผิดพลาด ซึ่งอาจนำไปสู่ความล้มเหลวในระยะยาว
Hoskinson ชี้ให้เห็นว่า เครือข่าย Layer-1 ของ Ethereum ยังคงล้มเหลวในการบรรลุวิสัยทัศน์ดั้งเดิมที่ทีมผู้ร่วมก่อตั้งเคยวาดฝันไว้ แม้จะเป็นศูนย์กลางของ Smart Contract และ DeFi แต่เครือข่ายก็ยังติดปัญหาใหญ่ ทั้งความสามารถในการรองรับธุรกรรม (Scalability) และค่าธรรมเนียมที่สูงลิ่ว
การแก้เกมด้วยโซลูชัน Layer-2 แม้จะช่วยลดค่าธรรมเนียมและเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ Hoskinson มองว่าเป็นเพียง “ทางออกชั่วคราว” เพราะโครงสร้างของ L2 ไม่ได้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของ Ethereum อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ เขายังระบุว่า การพัฒนา dApps และสภาพคล่องใหม่ ๆ ส่วนใหญ่กำลังเกิดขึ้นนอกเครือข่าย Ethereum แล้ว โดยยกตัวอย่าง Midnight ซึ่งเป็น Sidechain ที่เน้นความเป็นส่วนตัว และสามารถทำงานได้เหมือน L2 ของทุกเชน ซึ่งแนวโน้มนี้อาจดึง L2 ออกจาก Ethereum และส่งผลกระทบโดยตรงต่อเสถียรภาพของเครือข่ายหลักในที่สุด
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Hoskinson ออกมาพูดถึง “จุดจบของ Ethereum” ก่อนหน้านี้เขาเคยทำนายว่า Ethereum จะอยู่ไม่รอดในอีก 10-15 ปีข้างหน้า โดยให้เหตุผลหลักสามประการ ได้แก่ การเลือกกลไกฉันทามติ (Consensus) ที่ผิดพลาด, ปัญหา Layer-2 ,การขาดธรรมาภิบาลที่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น Hoskinson ยังเคยกล่าวว่า Ethereum เป็นเหมือน “ระบอบเผด็จการ” ที่ถูกควบคุมโดย Vitalik Buterin
ทั้งนี้ Hoskinson ยืนยันว่า ถึงแม้ Ethereum จะนำหน้า Cardano อยู่ในปัจจุบัน แต่ชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับการเอาชนะคู่แข่งรายนี้ให้ได้ และเขายังเชื่อว่าในอนาคต มูลค่ารวมของ DeFi บนเครือข่าย Bitcoin จะสูงกว่ามูลค่าตลาดรวมทั้งหมดของ Ethereum เสียอีก
- ที่มาข่าว:thecryptobasis
- ที่มาภาพ:coindesk

