<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

[How-to] วิธีใช้ Google Gemini AI เทรดคริปโทรายวัน คู่หูที่ช่วยทำกำไรในช่วงตลาดผันผวน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในตลาดคริปโทที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ราคาผันผวนทุกวินาที, Order Book เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว, เงินทุนไหลเข้าออกอย่างมหาศาล และสภาพคล่องที่ปรากฏแล้วหายไปอย่างกับมายากล 

Google Gemini AI ได้สามารถเข้ามา เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่จะช่วยให้นักเทรดรายวัน สามารถจัดการกับข้อมูลที่ซับซ้อนเหล่านี้ได้ รวมถึงลดความเสี่ยง และช่วยตัดสินใจจากข้อมูลที่น่าเชื่อถือ แทนที่จะคาดเดาไปเอง

ในบทความนี้ ทางสยามบล็อกเชน จะพาคุณไปดูวิธีการใช้งาน Gemini AI ผู้ช่วยอัจฉริยะในการวิเคราะห์ข้อมูลก่อนการเทรดว่า มีวิธีการอย่างไร โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องมอบกุญแจกระเป๋าเงินให้กับ AI หรือปล่อยให้มันเทรดแทนคุณ

ทำไมการเทรดคริปโทแบบบรายวันถึงโหดร้าย หากไม่มี AI คอยช่วย

สำหรับนักลงทุนที่ทนถือเหรียญเป็นเดือนหรือเป็นปี นั้นแตกต่างกับนักเทรดรายวัน (Day Trader) ที่จะเปิดและปิดโพซิชันภายในวันเดียว การเทรดภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่นาที จะเน้นการเล่นกับความเคลื่อนไหวในระยะสั้น และตลาดคริปโทนั้นก็มีความผันผวนสูงมาก

ตลาดคริปโทมีความท้าทายที่แตกต่างจากตลาดหุ้นอย่างสิ้นเชิง โดยตลาดจะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ ทำให้ราคา Bitcoin สามารถพุ่งขึ้นได้ในตอนตีสาม และข่าวลือหรือโพสต์บนโซเชียลมีเดียเพียงอย่างเดียวก็สามารถพลิกทิศทางของตลาดได้ทันที 

นอกจากนี้ การที่บางเหรียญมี (Order Book) ที่เบาบาง ยังอาจทำให้เกิด Slippage สูงจนสร้างความเสียหายได้ ในขณะที่ข้อมูลจากหลายช่องทาง ทั้งบน Telegram, X, Discord รวมถึงการแจ้งเตือนบนเครือข่ายบล็อกเชน และข่าวเศรษฐกิจทั่วโลกต่างก็แข่งกันดึงความสนใจไปพร้อม ๆ กัน

นี่คือจุดที่ AI อย่าง Google Gemini เข้ามามีบทบาทสำคัญ โดยไม่ได้มาเพื่อเทรดแทนนักเทรด แต่เป็นเหมือนผู้ช่วยที่ช่วยสรุปกระแสการไหลของเงิน, กรองข่าวสารที่ส่งผลต่อราคา, จัดระเบียบข้อมูลใน Spreadsheet หรือ Dashboard และช่วยเขียน, ทดสอบ รวมถึงปรับปรุงกฎการเทรด แทนที่จะ FOMO ไปตามกระแส

Gemini ทำอะไรได้บ้าง สำหรับนักเทรดคริปโท

Gemini เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ และเชื่อมโยงข้อมูลที่ซับซ้อนเข้าด้วยกัน โดยในเวอร์ชันใหม่อย่าง Gemini 2.5 Pro ได้เน้นความสามารถในการใช้เหตุผลแบบ Long-context และการเขียนโค้ด ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการรวบรวมข้อมูลตลาด และบันทึกต่าง ๆ เพื่อสรุปเป็นข้อมูลที่นำไปใช้ได้จริง

Gemini ยังทำงานร่วมกับ Google Workspace ได้อย่างดี ทั้งใน Docs และ Sheets โดยสามารถสรุปข้อมูล, จัดการข้อมูล และสร้างแผนภูมิผ่านฟังก์ชัน AI ในเซลล์ได้ 

สำหรับนักพัฒนานั้น Google AI Studio และ Gemini API จะช่วยให้สามารถเขียน Prompt แบบโปรแกรม, วิเคราะห์ชุดข้อมูล และรวมผลลัพธ์เข้ากับสคริปต์หรือ Dashboard ได้อย่างราบรื่น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ Gemini ไม่ควรทำคือ การเก็บ Private Key ของคริปโท หรือการเทรดแบบอัตโนมัติโดยไม่มีการควบคุมดูแล ควรใช้ Gemini เพื่อโฟกัสที่การวิเคราะห์ การสร้างสัญญาณ, ทำ Backtest และการแจ้งเตือนเท่านั้น

วิธีตั้งค่า Workspace และการเข้าถึง Gemini

ก่อนที่จะเริ่มต้นใช้งาน คุณต้องเลือกระดับการเข้าถึง Gemini ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณก่อน

  • Google AI Studio + API key เหมาะสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการสร้าง Prompt และ Script เพื่อใช้งาน
  • Gemini ใน Workspace (Docs/Sheets) เหมาะสำหรับการทำวิจัยและสร้าง Dashboard โดยไม่ต้องเขียนโค้ด
  • Google AI Pro subscription เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง พร้อม Context Window ที่ใหญ่ขึ้น

ขั้นตอนต่อไปคือ การสร้าง Trading Notebook ใน Google Sheets ซึ่งเป็นพื้นที่ที่คุณจะใช้เป็นโครงสร้าง เพื่อให้ AI ช่วยจัดระเบียบข้อมูลที่วุ่นวายให้กลายเป็นข้อมูลที่ชัดเจนและนำไปใช้งานได้จริง

วิธีการสร้าง Trading Notebook ที่มีประสิทธิภาพ

การเริ่มต้นด้วย Google Sheets แบบง่ายๆ ที่มี 6 แท็บ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

  • Watchlist ใช้เพื่อติดตามเหรียญที่คุณสนใจ โดยสามารถจัดกลุ่มตามกลยุทธ์การลงทุนได้
  • Catalysts ใช้บันทึกเหตุการณ์สำคัญที่อาจส่งผลต่อราคา เช่น การอัปเกรด, การปลดล็อกโทเคน หรือการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจ
  • Levels ใช้ทำเครื่องหมายแนวรับ-แนวต้าน (Support-Resistance) และช่องว่างของสภาพคล่องที่สำคัญ
  • Order Flow ใช้เพื่อจับกระแสการไหลของเงินทุนบนเครือข่าย (On-chain) อัตราการระดมทุน (Funding Rates) หรือความไม่สมดุลใน Order Book
  • Planใช้สำหรับเขียนแผนการเทรดของคุณก่อนในแต่ละรอบ
  • Post-mortem ใช้บันทึกว่าอะไรที่ได้ผลและอะไรที่ล้มเหลว เพื่อนำไปปรับปรุงในครั้งต่อไป

แทนที่จะเสียเวลาไปกับการเฝ้าแพลตฟอร์มโซเชียล X หรือเปิดกราฟนับสิบแท็บ คุณกำลังสร้างวงจรที่ทำซ้ำได้ ซึ่งจะทำให้การตัดสินใจของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

โดยเริ่มจาก Watchlist → Catalysts → Levels → Plan → Order Flow → Post-Mortem แล้วย้อนกลับไปที่ Watchlist อีกครั้ง ซึ่ง Gemini จะเข้ามาเป็นคู่หูในการช่วยคุณในทุกขั้นตอนของกระบวนการนี้

การเทรดคริปโทแบบรายวัน โดยใช้ Gemini AI

การใช้ Gemini AI เพื่อปรับปรุง Watchlist

สมมติว่าใน Watchlist ของคุณมี Bitcoin, Cardano และ Solana แทนที่คุณจะเสียเวลาสแกนดูเหรียญกว่า 50 ตัว คุณสามารถใช้ Gemini เพื่อให้เน้นไปที่เหรียญที่มีการเคลื่อนไหวมากที่สุด หรือมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงเปอร์เซ็นต์สูงสุดในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ตัวอย่างคำสั่ง (Prompt) ที่คุณสามารถใช้ได้คือ “สรุป 3 เหรียญอันดับต้น ๆ ตามการเปลี่ยนแปลงราคา 24 ชั่วโมงจากชุดข้อมูลนี้ และจัดอันดับตามความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจาก Short”

Gemini จะให้ข้อมูลในบริบทที่มีโครงสร้าง และมีการจัดอันดับอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถโฟกัสเวลาอันจำกัด ไปที่สินทรัพย์ที่มีความผันผวนมากที่สุดจากชุดข้อมูลที่คุณให้ไป

วิธีการใช้ Gemini กรอง Catalyst 

ตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ราคาเคลื่อนไหวในแต่ละวันคือ Catalyst ซึ่งอาจเป็นรายงาน CPI การประกาศจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) การปลดล็อกโทเคน, การอัปเกรด หรือแม้แต่ข่าวลือเรื่อง Airdrop แต่สิ่งรบกวนในตลาดมีมากกว่าสัญญาณจริง

แทนที่จะเสียเวลาเลื่อนดูข่าวใน X หรือ Discord ด้วยตัวเอง คุณสามารถนำหัวข้อข่าวเหล่านั้น มาใส่แล้วให้ Gemini AI ช่วยวิเคราะห์ให้ได้

ตัวอย่าง Prompt ที่คุณสามารถใช้ได้คือ “ชี้ให้เห็นว่าข่าว Catalyst ไหนมีโอกาสส่งผลต่อ ETH และ SOL ในอีก 12 ชั่วโมงข้างหน้า โดยอิงจากปฏิกิริยาราคาในอดีต”

การแมป Levels และ Liquidity

Support และ Resistance คือหัวใจสำคัญของการเทรดแบบรายวัน แม้ว่า Gemini จะไม่สามารถสตรีมข้อมูล Order Book แบบสดได้ แต่คุณสามารถป้อนข้อมูลราคาแบบ OHLCV (Open, High, Low, Close, Volume) หรือบันทึกของคุณเอง แล้วถามคำถามได้เลย

คุณสามารถใช้คำสั่ง (Prompt) ที่ว่า “ระบุกลุ่มราคาสำคัญที่ ETH ถูกปฏิเสธหลายครั้งในสัปดาห์นี้ และสรุปเป็น Resistance ที่เป็นไปได้”

แทนที่จะต้องนั่งดูกราฟด้วยตัวเอง คุณจะได้รับสรุปที่ชัดเจนว่า “ETH ถูกปฏิเสธซ้ำๆ ใกล้ระดับ $3,950-$4,000; แนวรับเดิมที่ $3,840 ที่กลับกลายเป็นแนวต้าน (Resistance)”

วิเคราะห์ Order Flow Sentiment

หากคุณติดตามข้อมูล Open Interest, อัตราส่วน Long/Short หรือกระแสเงินจากกระเป๋าเงินของเจ้ามือ(Whale) Gemini AI สามารถช่วยให้คุณทำความเข้าใจข้อมูลเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น

คุณสามารถใช้คำสั่ง (Prompt) ที่ว่า “สรุปว่าการวาง Position ใน BTC Futures ปัจจุบัน ดูเอียงไป Long หรือ Short มากกว่ากัน”

ถึงแม้ว่าคุณยังคงต้องนำข้อมูล BTC ดิบมาจากแพลตฟอร์มเทรดของคุณ แต่การสรุปของ Gemini AI จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมที่ชัดเจนขึ้น แทนที่จะต้องนั่งจ้องตัวเลขเพียงอย่างเดียว คุณสามารถขอให้ AI แปลความหมายให้ว่า ตลาดโดยรวมมีแนวโน้มไปทาง Long, Short หรือเป็นกลาง

วิธีใช้ Gemini สร้างแผนการเทรดรายวัน

แท็บ Plan คือ ส่วนที่ Gemini จะช่วยบังคับใช้ระเบียบวินัยในการเทรดได้อย่างดีเยี่ยม โดยคุณสามารถใช้คำสั่ง (Prompt) ที่ว่า “นำข้อมูลจากแท็บ Watchlist, Catalysts และ Levels ของวันนี้ มาสรุปเป็นสถานการณ์ที่เป็นไปได้ 3 แบบ พร้อมระบุจุดเข้า (Trigger) และจุดยกเลิก (Stop) อย่างชัดเจน”

ผลลัพธ์ที่ได้อาจเป็น:

  • สถานการณ์ A: ราคา Ether ทะลุเหนือ $3,000 ด้วยปริมาณการซื้อขายที่สูง ให้เข้าซื้อ Long โดยตั้ง Stop Loss ที่ $2,960
  • สถานการณ์ B: ราคา BTC ถูกปฏิเสธที่ $105,000 อีกครั้ง และราคาร่วงลงไปที่ $100,000
  • สถานการณ์ C: ราคา SOL ตอบสนองในเชิงลบ ต่อเหตุการณ์ Token Unlock ให้เปิด Short ที่ราคา $170

ตอนนี้คุณมีแผนการเทรดที่เป็นระบบแ ละมีโครงสร้างที่ชัดเจน แทนที่จะเข้าเทรดแบบไม่มีแผนอีกต่อไป

วิธีการทำ Post-mortem กับ Gemini

เมื่อการเทรดสิ้นสุดลง คุณสามารถใช้ Gemini AI เพื่อวิเคราะห์ 5 การเทรดล่าสุดของคุณ พร้อมระบุรูปแบบของข้อผิดพลาด และจุดแข็งที่เกิดขึ้น

Gemini AI อาจช่วยให้คุณเห็นว่า ตัวเองมักจะ ตัดกำไรเร็วเกินไป แต่กลับ ปล่อยให้ขาดทุนยืดยาว หรือ เทรดมากเกินไปในช่วงที่มีความผันผวนสูง วิธีนี้จะช่วยให้คุณเปลี่ยนข้อผิดพลาดให้กลายเป็นบทเรียนที่มีประโยชน์และเป็นระบบ

Gemini ช่วยการบริหารความเสี่ยงอย่างไร

สำหรับนักเทรดรายวันทุกคน ความเสี่ยงคือ ตัวแปรที่ต้องควบคุมให้ได้ เพราะการเอาตัวรอดจากการเทรดที่แย่นั้น สำคัญกว่าการที่จะต้องจับทุกการเทรดให้สมบูรณ์แบบเสมอไป ซึ่งคุณสามารถใช้ Gemini AI เพื่อตรวจสอบระเบียบวินัยเหล่านี้ได้

  • การคำนวณขนาดโพซิชัน เพียงแค่คุณแบ่งปันขนาดบัญชี และระบุความเสี่ยงสูงสุดต่อการเทรด Gemini AI ก็จะสามารถช่วยคำนวณขนาดโพซิชันที่ปลอดภัย ภายใต้สถานการณ์ Leverage ต่างๆ ให้คุณได้
  • การวางแผนสถานการณ์ แทนที่จะวางแผนเฉพาะในแง่บวกให้ใช้คำสั่ง (Prompt) เพื่อให้ Gemini AI ช่วยร่างสถานการณ์ในแง่ลบและสถานการณ์ในภาวะทรงตัวให้ด้วย เพื่อให้คุณไม่ติดอยู่ในอคติเพียงด้านเดียว
  • อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน วางแผน Setup ที่คุณวางแผนไว้ใน Gemini และขอให้ AI จัดอันดับตาม R/R Ratio (Risk/Reward Ratio) ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถโฟกัสไปที่การเทรดที่มีคุณภาพสูงที่สุดได้
  • การจัดสรรเงินทุน ถาม Gemini ให้สรุปสัดส่วนการลงทุนของคุณในแต่ละสินทรัพย์ (Exposure) ว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือไม่ (เช่น การลงทุนใน ETH Beta มากเกินไป) เพื่อให้คุณสามารถปรับสมดุลพอร์ตของคุณได้ทันก่อนที่จะสายเกินไป

คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ที่มา : cointelegraph