ตลาดคริปโตส่อแววจุดชนวนตลาดกระทิงอีกครั้ง หลังจากราคา Bitcoin ได้พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 117,000 ดอลลาร์ ถึงสองครั้งในวันนี้ (17 ก.ย.) ซึ่งถือเป็นราคาสูงสุดในรอบเกือบ 4 สัปดาห์
การปรับตัวขึ้นของราคา BTC ในครั้งนี้ เกิดขึ้นก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะประกาศเรื่องอัตราดอกเบี้ยตีหนึ่งคืนนี้ โดยตลาดคาดหวังว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกของปี ในขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นปัจจัยบวกที่จะนำไปสู่สภาพคล่องที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาด
ปัจจัยสำคัญอีกประการที่ส่งผลบวกต่อราคา Bitcoin คือ การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อมีสภาพคล่องส่วนเกินในระบบ
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ (DXY) ได้อ่อนค่าลงไปแล้ว 12% ในปีนี้ ซึ่งตามประวัติศาสตร์แล้ว Bitcoin ที่ถูกมองว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล” และเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนแอลง
Alex Krüger นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า แม้ตลาดจะรับรู้ข่าวการลดดอกเบี้ยไปบ้างแล้ว แต่ Bitcoin ยังคงมีศักยภาพในการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง ทางด้าน ‘Ash Crypto’ นักวิเคราะห์คริปโตอธิบายว่า การลดดอกเบี้ยจะทำให้เงินทุนไหลจากสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำอย่างพันธบัตรรัฐบาล เข้าสู่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างคริปโต
“ยิ่งมีการลดดอกเบี้ยมากขึ้นเท่าไหร่ สภาพคล่องก็จะยิ่งไหลเข้าสู่ Bitcoin และเหรียญ Altcoin มากขึ้นเท่านั้น” Ash Crypto กล่าวพร้อมเสริมว่า ตลาดมีปัจจัยบวกอื่น ๆ รองรับอยู่แล้ว ทั้งการอนุมัติ ETF และความชัดเจนด้านกฎระเบียบ ซึ่งจะถูกสะท้อนในราคาและนำไปสู่การพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ในไตรมาสที่ 4 นี้
นอกจากนี้ Arthur Hayes ผู้ร่วมก่อตั้ง BitMEX ยังกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของ Fed ซึ่งจะเป็นผลดีต่อ Bitcoin โดยตรง ในขณะที่ Tom Lee จาก Bitmine คาดการณ์ว่า การลดดอกเบี้ยจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นในตลาดกลับมา และทำให้ Bitcoin และ Ethereum มีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
ในขณะที่รายงาน Bitcoin มีการซื้อขายกันอยู่ที่ 117,073 ดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 1.22% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap
ที่มา:cryptopotato