ช่วงบ่ายวันนี้ (22 ก.ย.) ราคาบิทคอยน์ (BTC) ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 12 วัน สวนทางกับความคาดหวังของนักลงทุนที่เชื่อมั่นว่าเดือนตุลาคมจะเป็นเดือนแห่งการปรับตัวขึ้นของตลาดคริปโตหรือ “Uptober” ขณะนี้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า Uptober ในปีนี้จะยังคงเกิดขึ้นอยู่จริงหรือไม่
ข้อมูลสถิติจาก CoinGlass ระบุว่า ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา บิทคอยน์ปรับตัวขึ้นถึง 10 ครั้งในเดือนตุลาคม และไม่เคยร่วงลงเลยนับตั้งแต่ปี 2018 โดยในตลาดกระทิงปี 2017 และ 2021 ราคาพุ่งขึ้นถึง 48% และ 40% ตามลำดับ หากประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ราคาบิทคอยน์อาจมีโอกาสแตะระดับ 165,000 ดอลลาร์ได้ในเดือนหน้า

ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดในปัจจุบันกลับดูไม่ค่อยเป็นใจนัก มูลค่าตลาดคริปโตหายไปกว่า 80,000 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ขณะที่บิทคอยน์ดิ่งลงสู่ 112,659 ดอลลาร์ และอีเธอเรียม (ETH) ร่วงลงกว่า 5.49% ต่ำกว่า 4,200 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในเดือนกันยายน
เสียงนักวิเคราะห์เรื่อง “Uptober” เริ่มแตกออกเป็นสองฝ่าย
ทางฝั่งมุมมองเชิงบวก Kyle Chassé ผู้เชี่ยวชาญด้านบิทคอยน์มองว่า โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้านั้นมีโอกาสสูงถึง 92% จากข้อมูลของ CME FedWatch เขาเชื่อว่า สภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นจะช่วยผลักดันราคาบิทคอยน์ และคริปโตให้พุ่งขึ้นได้อีกครั้ง
นักวิเคราะห์ชื่อ Sykodelic ระบุว่า ตลาดอาจร่วงลงต่ออีกเล็กน้อยก่อนที่จะกลับตัวเป็นขาขึ้นในเดือนตุลาคม โดยชี้จุดสำคัญที่ 112,500 ดอลลาร์ และมองว่าหลังจากผ่านระดับนี้ไปได้ ตลาดจะเข้าสู่ช่วงการพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่
ด้าน Arthur Hayes ผู้ร่วมก่อตั้ง BitMEX เชื่อมั่นว่าคริปโตจะเข้าสู่ “ขาขึ้นเท่านั้น” หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เติมเงินในบัญชี Treasury General Account (TGA) จนทะลุ 850,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่มหาศาล และอาจช่วยหนุนสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดการเงิน
อย่างไรก็ตาม ยังมีนักวิเคราะห์ที่มองต่างออกไป โดย Augustine Fan จาก SignalPlus เตือนว่า การพุ่งขึ้นของบิทคอยน์อาจเกิดขึ้นแบบไม่สูงมากนัก เนื่องจากความผันผวนโดยนัย (implied volatility) มีค่าต่ำ, โมเมนตัมฝั่งขาขึ้นเริ่มอ่อนแรง และมีคนขายทำกำไรคอยกดดันราคาอยู่ เขาแนะนักลงทุนระยะยาวให้ใช้ “ความอดทน” รอจังหวะที่ตลาดสร้างจุดสูงสุดใหม่
ด้านนักวิเคราะห์อย่าง Jeff Mei จาก BTSE ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า “Uptober” ปีนี้อาจไม่เป็นไปตามที่หลายคนคาดหวัง เพราะปัจจัยเศรษฐกิจที่ยังไม่นิ่ง และที่สำคัญคือเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตลาดคริปโตไม่ได้ร่วงหนักอย่างที่เคยเป็นในอดีต ทำให้แรงดีดกลับในเดือนถัดไปอาจไม่รุนแรงอย่างที่คิดไว้
นอกจากนี้ ดัชนี Fear & Greed Index ก็เริ่มส่งสัญญาณที่น่าเป็นกังวล โดยร่วงจากระดับ “ปกติ” ที่ 49 ลงมาอยู่ในโซน “กลัว” ที่ 45 ในวันนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกำลังสั่นคลอน

ในขณะที่รายงาน Bitcoin มีการซื้อขายกันอยู่ที่ 112,553 ลดลง 2.64% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap

ที่มา: cointelegraph

