เป็นเวลาหลายปีที่นักลงทุนและบริษัทคริปโตในสหรัฐฯ ต้องทำงานอยู่ท่ามกลางความสับสน เมื่อสองหน่วยงานกำกับดูแลที่ใหญ่ที่สุดอย่าง SEC และ CFTC ต่างก็แย่งชิงอำนาจในการกำกับดูแลตลาดคริปโต แต่ล่าสุด ดูเหมือนว่า “สงคราม” กำลังจะจบลง
ในสัญญาณบวกครั้งประวัติศาสตร์ ทั้งสองหน่วยงานได้ประกาศจัด “โต๊ะเจรจา” ร่วมกันในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เพื่อหาแนวทางสร้าง “กฎกติกาที่ปรองดองกัน” และที่สำคัญคือ พวกเขาได้เชิญผู้เล่นในสมรภูมิจริงอย่าง Kraken และ Crypto.com เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย
ทำไมต้องคุยกันตอนนี้?
การหันหน้าเข้าหากันครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ แต่มีแรงผลักดันสำคัญอยู่เบื้องหลัง
- รัฐบาลใหม่-นโยบายใหม่ การเปลี่ยนแปลงในทำเนียบขาวหลังยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำในหน่วยงานกำกับดูแล ยุคของ แกรี เจนส์เลอร์ ที่ SEC ซึ่งเน้นการ “ปราบปราม” ได้สิ้นสุดลง และถูกแทนที่ด้วยแนวทางที่ “เปิดกว้าง” และเป็นมิตรกับนวัตกรรมมากขึ้น
- สภาคองเกรสเตรียมขีดเส้นแบ่งอำนาจ ขณะนี้สภาคองเกรสกำลังร่างกฎหมายกำกับดูแลคริปโตฉบับใหญ่ (CLARITY Act) ซึ่งมีเป้าหมายหลักเพื่อยุติความสับสน โดยจะขีดเส้นแบ่งอำนาจที่ชัดเจนว่าหน่วยงานไหนมีหน้าที่ดูแลอะไร การประชุมครั้งนี้จึงอาจเป็นความพยายามของทั้งสองหน่วยงานในการหาจุดยืนร่วมกันก่อนที่กฎหมายจะถูกบังคับใช้
จาก ‘ไล่ฟ้อง’ สู่ ‘จับเข่าคุย’ สัญญาณแห่งยุคใหม่
การเปลี่ยนแปลงนี้เห็นได้ชัดจากทิศทางการทำงานของทั้งสองหน่วยงานในช่วงที่ผ่านมา
- ฝั่ง SEC ได้สร้างความประหลาดใจด้วยการ “สงบศึก” และทยอยถอนฟ้องคดีใหญ่ที่เคยมีกับ Coinbase, Ripple และ Kraken นอกจากนี้ยัง “เปิดไฟเขียว” ให้กระบวนการอนุมัติกองทุน Crypto ETF ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับยุคก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง
- ฝั่ง CFTC แม้จะอยู่ในภาวะ “สุญญากาศ” เพราะขาดคณะกรรมาธิการ แต่ก็ยังเดินหน้าเต็มที่ในเชิงรุก โดยได้ “เปิดประตูต้อนรับ” ผู้บริหารจากบริษัทคริปโตเข้ามาร่วมเป็นที่ปรึกษา และกำลังศึกษาแนวคิดใหม่ๆ เช่น การใช้ Stablecoin เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
การประชุมโต๊ะกลมครั้งนี้จึงเป็นมากกว่าแค่การประชุม แต่เป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนที่สุดว่า “สงครามเย็น” ด้านกฎระเบียบคริปโตในสหรัฐฯ อาจกำลังจะสิ้นสุดลง และกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการ “จับเข่าคุย” เพื่อสร้างกติกาที่ชัดเจนและเป็นธรรมสำหรับทุกคนในอุตสาหกรรม
ที่มา: SEC

