มูลค่าตลาด (Market Cap) ของ Nvidia ได้พุ่งทะยานผ่านหลัก 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากราคาหุ้นดีดตัวขึ้นเกือบ 3% ทำสถิติสูงสุดใหม่ ตอกย้ำสถานะผู้นำที่ไม่มีใครเทียบได้ในยุคปฏิวัติปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ราคาหุ้น Nvidia ปรับตัวขึ้นแล้วกว่า 39% ในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนอย่างต่อเนื่องจากการประกาศข้อตกลงทางธุรกิจขนาดใหญ่หลายฉบับ ซึ่งเป็นการการันตีว่าชิปของ Nvidia คือหัวใจสำคัญของโครงสร้างพื้นฐาน AI ทั่วโลก
Stargate เมกะโปรเจกต์ 5 แสนล้านเหรียญที่ Nvidia คือหัวใจ
แรงขับเคลื่อนสำคัญล่าสุดมาจากข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์กับ OpenAI และ Oracle ในโปรเจกต์ยักษ์ที่ชื่อว่า “Stargate” ซึ่งเป็นการสร้าง AI Data Center ขนาดมหึมา 5 แห่ง ด้วยงบประมาณสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์
ภายใต้ข้อตกลงนี้ Nvidia จะไม่ได้เป็นแค่ผู้ขายชิป แต่จะเข้าถือหุ้นใน OpenAI มูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ และแน่นอนว่า Data Center ทั้งหมดจะเต็มไปด้วยหน่วยประมวลผลกราฟิก ( GPU) ของ Nvidia
ความสำคัญของดีลนี้ถูกขีดเส้นใต้ด้วยคำกล่าวของ เจนเซ่น หวง (Jensen Huang) ซีอีโอของ Nvidia ที่ระบุว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทคิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ในการสร้าง AI Data Center แห่งใหม่
ไม่ใช่แค่ OpenAI คลื่นลงทุน AI ทั่วทั้งวงการ
กระแสการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ OpenAI เท่านั้น บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อื่นๆ เช่น Meta และ Google ต่างก็กำลังทุ่มงบประมาณมหาศาลในทิศทางเดียวกัน
ล่าสุด CoreWeave ผู้ให้บริการคลาวด์ซึ่ง Nvidia เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ได้ประกาศข้อตกลงมูลค่า 14.2 พันล้านดอลลาร์ เพื่อให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน AI แก่ Meta ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Nvidia ได้ประโยชน์จากกระแสนี้ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการขายโดยตรงหรือผ่านบริษัทในเครือ
มุมมองนักวิเคราะห์ อนาคตยังสดใส
หลังการประกาศดีลกับ OpenAI นักวิเคราะห์จาก Citi ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของหุ้น Nvidia จาก 200 ดอลลาร์ เป็น 210 ดอลลาร์ โดยให้เหตุผลว่า แนวโน้มการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI นั้นสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้มาก
“เราเชื่อว่า OpenAI ต้องเข้ามาขอความช่วยเหลือจาก Nvidia เพราะพวกเขามีผลิตภัณฑ์ที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ในขณะที่จำนวนผู้ใช้งานและความต้องการพลังประมวลผลก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด” นักวิเคราะห์ของ Citi กล่าวในบทวิเคราะห์
การทะยานของมูลค่าบริษัทครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การเก็งกำไร แต่เป็นการสะท้อนภาพความเป็นจริงที่ว่า ในยุคที่ทุกบริษัทกำลังมุ่งหน้าสู่ AI นั้น Nvidia คือผู้กุมชะตาและเป็นผู้ได้รับประโยชน์รายใหญ่ที่สุดอย่างแท้จริง
ที่มา: CNBC

