หลังจากหลายปีที่บริษัทและบุคลากรในวงการคริปโตต้องย้ายฐานออกนอกประเทศเพื่อหนีความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ ล่าสุดในปี 2025 ตลาดการจ้างงานคริปโตในสหรัฐอเมริกาได้กลับมาคึกคักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมชี้ว่า นี่คือผลลัพธ์โดยตรงจากการออกกฎหมายใหม่และความชัดเจนด้านนโยบายภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
จาก ‘ทางหนี’ สู่ ‘บ้านหลังใหม่’ เทรนด์จ้างงานที่เปลี่ยนไป
ฮิวจ์ นอร์ตัน-สมิธ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทจัดหางานด้านคริปโต Intersection Growth Partners เปิดเผยว่า ขณะนี้เกิดปรากฏการณ์ “ทาเลนต์ไหลกลับประเทศครั้งใหญ่” (Massive re-shoring of crypto talent)
- วันนั้น (ก่อนปี 2025) “บริษัทคริปโตในสหรัฐฯ ทุกแห่งต้องมี ‘แผนสำรองที่ดูไบ’ และมูลนิธิโปรโตคอลต่างๆ ก็พากันย้ายไปหมู่เกาะเคย์แมน” นอร์ตัน-สมิธ กล่าว
- วันนี้ (ปี 2025)“ตอนนี้ออฟฟิศในดูไบและสิงคโปร์กลายเป็นเพียงสาขาย่อย และตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงที่เรากำลังหาอยู่ 90% มีฐานอยู่ในสหรัฐฯ ทั้งหมด”
จุดเปลี่ยนสำคัญคือการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในกฎหมาย Genius Act เมื่อเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นการวางกรอบกำกับดูแล Stablecoin ที่ชัดเจนเป็นครั้งแรกในประเทศ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงผู้นำใน ก.ล.ต. สหรัฐฯ (SEC) และการประกาศ “Project Crypto” เพื่อปรับปรุงกฎระเบียบให้ทันสมัย ก็ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก

เปลี่ยนโฟกัส จาก ‘คนสร้าง’ สู่ ‘คนขาย’
ความชัดเจนด้านกฎระเบียบยังได้เปลี่ยนลักษณะของตำแหน่งงานที่เป็นที่ต้องการอีกด้วย
นอร์ตัน-สมิธระบุว่า ในอดีตความต้องการจะเน้นไปที่ นักพัฒนา (Developer) และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแล (Compliance) เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และรับมือกับกฎเกณฑ์ที่คลุมเครือ แต่ปัจจุบัน ความต้องการได้เปลี่ยนไปสู่ตำแหน่งเชิงพาณิชย์ เช่น การตลาด (Marketing), การพัฒนาธุรกิจ (Business Development) และการสร้างพาร์ทเนอร์ชิพ (Partnerships)
“ตอนนี้วงการคริปโตได้สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ยอดเยี่ยมและพร้อมใช้งานแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือหาคนมาขายมันและดึงดูดผู้ใช้งานในวงกว้าง” เขากล่าว
2 ปัญหาที่ยังรอการแก้ไข
แม้ภาพรวมจะดูสดใส แต่สหรัฐฯ ยังคงมีความท้าทายสำคัญ 2 ประการที่ต้องแก้ไข
- กฎหมายภาษีที่ยังไม่ชัดเจน ผู้เชี่ยวชาญและนักการเมืองจากทั้งสองพรรคเห็นตรงกันว่า กฎเกณฑ์ด้านภาษีคริปโตของสหรัฐฯ ยังคงกระจัดกระจายและขาดความชัดเจน ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยที่ผลักดันนวัตกรรมบางส่วนออกนอกประเทศ
- เสียงคัดค้านทางการเมือง นักการเมืองบางส่วน เช่น สว. เอลิซาเบธ วอร์เรน จากพรรคเดโมแครต แสดงความกังวลต่อความสัมพันธ์ส่วนตัวของทรัมป์กับโปรเจกต์คริปโตต่างๆ และเกรงว่าอุตสาหกรรมกำลังเข้ามามีอิทธิพลในการร่างกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองมากเกินไป
โดยสรุป ปี 2025 ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของอุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐฯ ความชัดเจนด้านกฎระเบียบได้ดึงดูดการลงทุนและบุคลากรคุณภาพกลับคืนสู่ประเทศ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในระยะยาวจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการแก้ปัญหาเรื่องภาษีที่ซับซ้อน และการสร้างความไว้วางใจทางการเมืองให้ได้อย่างยั่งยืน
ที่มา: cointelegraph

