แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลบนบล็อกเชน Santiment ระบุว่า เหล่านักเทรดคริปโตรายย่อยต่างพุ่งเป้าไปที่นโยบายภาษีของประธานาธิบดี Donald Trump หลังประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 100% ซึ่งถูกมองว่าเป็น “ชนวนหลัก” ของการร่วงลงของตลาดในวันศุกร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่า ปัจจัยนี้เป็นเพียง “ส่วนหนึ่ง” ของปัญหาที่ซับซ้อนมากกว่านั้น
นักลงทุนพยายามหาแพะรับบาป
Santiment อธิบายในรายงานว่า นักลงทุนรายย่อยมักพยายามหา “เหตุการณ์เดียว” เพื่อโยงเป็นสาเหตุหลักของความผันผวนในตลาด โดยเฉพาะในช่วงตลาดร่วงอย่างรุนแรง
“นักลงทุนต้องการ “หาแพะ” เพื่อโทษว่าอะไรทำให้ตลาดคริปโตร่วงอย่างรุนแรง”
หลังคำประกาศภาษีของ Trump การพูดถึงประเด็นภาษีและความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ–จีนบนโซเชียลมีเดียพุ่งสูงขึ้นทันที กลายเป็น “แพะรับบาป” ของตลาดในสายตานักเทรดรายย่อย
นโยบายภาษีไม่ใช่ต้นเหตุเดียว
แม้เหตุการณ์ระหว่างสหรัฐฯ–จีนจะเป็นตัวเร่งสำคัญ แต่นักวิเคราะห์จาก The Kobeissi Letter ชี้ว่า “Laverage และความกล้าเสี่ยง” คืออีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้การปรับฐานรุนแรงกว่าปกติ
ข้อมูลเผยว่า Long Position ในตลาดมีมูลค่ารวมถึง 16.7 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับตำแหน่งขายเพียง 2.5 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 7:1 ส่งผลให้เมื่อราคาหลุดแนวรับ นักลงทุนจำนวนมากถูกบังคับขายพร้อมกัน และยิ่งซ้ำเติมแรงเทขายในตลาด
นักลงทุนเริ่มมองว่า Bitcoin อาจร่วงต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์
Santiment ระบุว่า หากการเจรจาระหว่าง 2 ประเทศพัฒนาไปในทิศทางบวก ความเชื่อมั่นของตลาดอาจฟื้นตัวกลับมาได้ แต่หากสถานการณ์ตึงเครียดยืดเยื้อ การคาดการณ์ว่า Bitcoin จะร่วงต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์อาจเริ่มแพร่หลายมากขึ้นในหมู่นักลงทุน
Source: Santiment

