<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Binance เผชิญวิกฤตคนแห่โอนคริปโตออกมากที่สุดในปี 2025 แต่ ‘CZ’ ยัน “จะปกป้องผู้ใช้ให้ถึงที่สุด”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

สัปดาห์นี้เรียกได้ว่าไม่ง่ายเลย สำหรับ Binance กระดานเทรดคริปโตเบอร์หนึ่งของโลก หลังมีรายงานว่า ปัญหาระบบเทรดของบริษัท เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิด “Flash Crash” เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา

แม้ Binance จะทุ่มเงินชดเชยไปแล้วหลายร้อยล้านดอลลาร์ แต่แรงกดดันจากชุมชนคริปโตก็ยังคงถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาด ได้ส่งผลให้นักลงทุนจำนวนมากเริ่ม ไม่มั่นใจ และทยอยถอนเงินออกจาก Binance โดยบันทึกยอดเงินไหลออกสูงสุดในรอบปีอยู่ที่ 21,750 ล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 7 วัน 

ในขณะเดียวกัน Binance ได้ประกาศเงินชดเชยไปแล้วมูลค่ามากกว่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็น 45 ล้านดอลลาร์ สำหรับเทรดเดอร์ที่เทรดเหรียญมีม, 283 ล้านดอลลาร์ สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีเหรียญหลุด peg  และอีก 400 ล้านดอลลาร์ สำหรับนักเทรดฟิวเจอร์ส และนักลงทุนสถาบัน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สามารถกลับมาซื้อขายได้ตามปกติ

แม้ Binance จะปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นต้นเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าว แต่การที่บริษัทออกมาชดเชยด้วยเงินจำนวนมหาศาล ก็ทำให้เกิดการถกเถียงกันไม่น้อย โดย Benson Sun จาก Coin Karma ถึงกับตั้งคำถามว่า

“ถ้าไม่ได้เป็นคนผิดจริง ทำไมต้องจ่ายเงินชดเชยเป็นร้อยล้านขนาดนั้น?”

เพื่อสยบกระแส FUD นั้น Changpeng Zhao (CZ) ผู้ก่อตั้ง Binance ก็ออกมาชี้แจงว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Binance ยื่นมือเข้าช่วยเหลือผู้ใช้งาน

โดย CZ เล่าย้อนว่า การชดเชยครั้งแรกเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2017 ตอนรัฐบาลจีนแบนคริปโต ซึ่งตอนนั้น Binance ยอมควักเงินถึง 6 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเกือบ 40% ของเงินทุนดำเนินงาน ในขณะนั้น เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้งาน ทั้ง ๆ ที่โปรเจกต์ที่พังนั้นไม่ใช่ของ Binance เอง

Changpeng Zhao (CZ) เล่าว่า การตัดสินใจครั้งนั้น ทำให้ผู้คนเชื่อมั่นและทำให้ Binance กลายเป็นกระดานเทรดที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ในที่สุด

“ตลาดตอบแทนเราผู้ใช้งานจากทั่วโลกเข้ามา เพราะเห็นว่า Binance ไม่ได้แค่พูด แต่ ‘ลงมือทำ’ และใช้เงินช่วยเยียวยาจริง ๆ นั่นคือเหตุผลที่เรายึดมั่นในค่านิยมหลักของเรา คือการปกป้องผู้ใช้งาน!”

อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่ง มีผู้พัฒนาโปรเจกต์หลายรายออกมาแฉว่า Binance เรียกเก็บ เงินมัดจำความปลอดภัย (Security Deposit) สูงถึง 2 ล้านดอลลาร์เป็น BNB รวมถึงมีค่าธรรมเนียมอื่น ๆ อีก หากต้องการให้เหรียญในโปรเจกต์ของตน ถูกลิสต์บนแพลตฟอร์ม  Binance

บรรดาคนในวงการคริปโต เช่น Simon Dedic จาก Moonrock Capital และ Mike Dudas จาก 6th Man Ventures ต่างก็ออกมาสนับสนุนข้อกล่าวหานี้ 

โดย Dudas กล่าวว่า “Binance พยายามจะเก็บ ‘ภาษี 10%’ จากทุกคนที่อยากสร้างนวัตกรรมในโลกคริปโต นี่มันแย่กว่าระบบการเงินดั้งเดิมตั้ง 10 เท่า!”

แต่ทาง Binance ก็ออกมาปฏิเสธทันที โดยระบุว่าข้อกล่าวดังกล่าว เป็นเท็จและใส่ร้าย

ลิงก์ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ที่มา : ambcrypto