เจาะกลยุทธ์ Aster: ทำไมต้อง ‘Burn’ เหรียญครึ่งหนึ่งที่ซื้อคืน? — การันตีมูลค่าระยะยาว

Aster DEX กำลังใช้กลยุทธ์ที่มุ่งสร้างความมั่นคงของโทเคน ($ASTER) อย่างจริงจัง โดยการปรับโมเดล “ซื้อคืนแล้วทำลายทิ้ง” (Buyback-and-Burn) เพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาดและข้อสงสัยของนักลงทุน

As part of our ongoing efforts to enhance Aster’s token economy, we’re refining the S3 buyback and airdrop model to deliver stronger, long-term value for both users and holders:

• 50% of all buybacks, including S2 and S3, in the public buyback address will be burned — reducing…

— Aster (@Aster_DEX) October 31, 2025

การใช้รายได้จริงเพื่อลดอุปทาน:

Aster ประกาศว่า เหรียญ ASTER ที่ซื้อคืนมาจากตลาดในรอบ Season 2 และ 3 (S2 และ S3) จะถูกนำไป Burn ทันที 50% ของจำนวนทั้งหมด ซึ่งการ Burn นี้มีเป้าหมายโดยตรงเพื่อ “ลดอุปทานหมุนเวียน” ของโทเคนอย่างถาวรในตลาด และเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าทีมงานให้ความสำคัญกับมูลค่าของเหรียญในระยะยาว

ส่วนเหรียญที่เหลืออีก 50% จะถูกส่งไปยัง Address สำรองสำหรับ Airdrop Rewards เพื่อใช้เป็นรางวัลให้กับ ผู้ใช้งานจริงและผู้ที่ถือครองเหรียญในระยะยาวเท่านั้น กลไกนี้ถูกออกแบบมาเพื่อ “สร้างแรงจูงใจที่ถูกต้อง” และป้องกันปัญหาการเทขายเหรียญชุดใหญ่ที่มักเกิดขึ้นหลังการแจกรางวัล (Sell Pressure)

สร้างความเชื่อมั่นด้วยความโปร่งใส:

การตัดสินใจเน้นการ Burn อย่างชัดเจนนี้เป็นการเดินตามรอย Exchange ที่ประสบความสำเร็จอย่าง Binance ($ BNB) เพื่อสร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่งในตลาด DEX Perpetual (เช่น Hyperliquid)

ผู้เชี่ยวชาญในวงการมองว่า การที่ Aster กล้าใช้โมเดล Buyback-and-Burn ที่ผูกกับค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นจริงจากการเทรด ถือเป็น “รากฐานที่มั่นคง” ที่จำเป็นสำหรับโครงการ DeFi การดำเนินการนี้จึงเป็นมาตรการสำคัญในการ “ตอบโต้ความสงสัย” ของตลาดที่กลัวว่าจะมีแรงขายจากเหรียญที่ถูกปลดล็อก (Unlock) ในอนาคต โดยเปลี่ยนความกังวลให้กลายมาเป็น “ความเชื่อมั่น” ในความยั่งยืนของโครงการแทน

ที่มา: @Aster_DEX , bscscan