ราคาทองคำที่พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดตลอดกาลในปีนี้ ได้จุดกระแส Tokenized Gold ให้กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง และกำลังกลายเป็นดาวรุ่งแห่งวงการการเงินยุคใหม่ที่วอลล์สตรีทจับตามอง โดยเป็นการนำเอาสินทรัพย์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มาเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีการเงินที่ทันสมัยอย่าง บล็อกเชน เพื่อสร้างรูปแบบการลงทุนและการเก็บมูลค่าแบบใหม่ ที่สะดวก โปร่งใส และเข้าถึงได้มากขึ้น
ทองคำแบบโทเคน เป็นทองจริงที่ถูกนำมาออกเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลบนบล็อกเชน คล้ายกับ Stablecoin โดยผู้ออกรับประกันว่า ทุกโทเคนมีทองคำจริงที่ถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัยหนุนหลัง และถูกออกแบบให้เคลื่อนไหวใกล้เคียงกับราคาทองคำในตลาดจริง
ในขณะที่ราคาทองคำพุ่งสู่จุดสูงสุดใหม่ในเดือนตุลาคม Tether ผู้ออก Stablecoin รายใหญ่ก็เผยว่า มูลค่ารวมของโทเคนทองคำของตน อย่าง XAUT เพิ่มขึ้นถึง 60% ภายในไตรมาสเดียว จากมูลค่าตลาดราว 1,440 ล้านดอลลาร์ ทะยานขึ้นเกือบ 2,100 ล้านดอลลาร์ ก่อนที่ราคาทองจะปรับฐานลงเล็กน้อย
ปัจจุบัน Tokenized Gold คิดเป็นเพียงประมาณ 1% ของตลาดสินทรัพย์โลกจริง (Real-World Asset – RWA) ในขณะที่ Stablecoin ที่หนุนหลังด้วยดอลลาร์สหรัฐฯ หรือพันธบัตรสหรัฐ มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 300,000 ล้านดอลลาร์ แต่สินทรัพย์ทองคำบนบล็อกเชน มีมูลค่าเพียง 3,000 ล้านดอลลาร์ โดยมี XAUT ของ Tether และ PAX Gold เป็นผู้นำ
Will Peck หัวหน้าฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัลของ WisdomTree กล่าวว่า “มันเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่อยากถือทอง แต่ชอบเก็บไว้ในวอลเล็ทดิจิทัลมากกว่า
ข้อดีของทองแบบโทเคนคือ เทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง และโอนให้กันแบบ Peer-to-Peer ได้เหมือนคริปโตทั่วไป นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้ค้ำประกันเพื่อขอกู้เงินได้อีกด้วย”
Ian Kane, CEO ของ Firepan กล่าวว่า “ในยุคที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเรื่อย ๆ การใช้ทองมาค้ำกู้ แล้วให้เงินกู้นั้นสร้างผลตอบแทนเพิ่ม โดยไม่ต้องกลัวว่าต้นทุนจะถูกลดค่าลง มันคือดีลที่น่าสนใจสุด ๆ”
แม้ทองคำโทเคนจะสามารถแลกคืนเป็นทองจริงได้ แต่ Will Peck มองว่า มันจะถูกใช้งานในลักษณะเดียวกับ Bitcoin มากกว่า ซึ่งทั้งคู่คือ “สินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ ทองกับบิตคอยน์ต่างก็ไปได้ดี ในยุคที่ธนาคารพิมพ์เงินไม่หยุด ทั้งคู่มีคุณสมบัติคล้ายกันในฐานะสินทรัพย์ที่มีภาวะเงินฝืด (deflationary)”

มูลค่าตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่ถูกแปลงเป็นโทเคน ณ วันที่ 31 ตุลาคม (ที่มา: rwa.xyz)
ในสหรัฐฯ กระแสการ “tokenize” สินทรัพย์พุ่งแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะหลังผ่านกฎหมาย GENIUS Act ที่วางกรอบกติกาให้กับอุตสาหกรรม ซึ่ง Stablecoin บริษัทยักษ์ใหญ่จากวอลล์สตรีท เริ่มเห็นโอกาสมหาศาลในเรื่องนี้
Vlad Tenev, CEO ของ Robinhood เปรียบ tokenization ว่าเป็น “รถไฟขบวนใหญ่ที่ไม่มีวันหยุดได้”
ในขณะที่ Larry Fink, CEO ของ BlackRock กล่าวว่า “แนวคิดนี้จะปฏิวัติการลงทุนทั้งระบบ”
ส่วน Will Peck คาดว่า หลังผ่าน GENIUS Act ความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมนี้ ทั้งทองคำและสินทรัพย์อื่น ๆ จะถูก tokenized และเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้
ที่มา : finance yahoo

