<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ขาขึ้นที่คนเกลียดมากที่สุด : เผย 5 สาเหตุที่ตลาดยังลังเล แม้ราคา Bitcoin หวนคืน $107,000  

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปัจจุบัน Bitcoin ได้ฟื้นตัวกลับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนสามารถกลับมายืนเหนือ $107,000 ได้ชั่วขณะหนึ่ง หลังจากที่ลงไปทำจุดต่ำสุดที่ $98,800 เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา และดูเหมือนว่าสินทรัพย์เสี่ยงจะเริ่มเป็นจุดสนใจของนักลงทุนเมื่อการชัตดาวน์รัฐบาลสหรัฐฯ ใกล้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน

นักวิเคราะห์บางรายได้เรียกขานตลาดขาขึ้นในรอบนี้ว่าเป็น Bull Run ที่น่ารังเกียจที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Bitcoin รวมถึงตลาดหุ้น อันเนื่องมาจากความผันผวนและความผิดปกติของตลาดแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจนทำให้หลายคนยังไม่เชื่อมั่นเช่นกันว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือไม่

ในบทความนี้เราจะพาทุกท่านมาดู 5 สัญญาณ Bitcoin ที่ต้องจับตาดูในสัปดาห์นี้

สัญญาณราคาดีดตัว

เริ่มต้นกันด้วยสัญญาณข่าวดีของฝั่งกระทิงกับราคา Bitcoin ที่ฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้อย่างหวุดหวิด

จากภาพจะเห็นได้ว่าในขณะนี้ BTC/USD ยังคงยืนอยู่เหนือแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 สัปดาห์ ซึ่งถือเป็นแนวรับที่ใช้สนับสนุนขาขึ้นมาโดยตลอด

อย่างไรก็ดี ระดับราคาที่ $107,000 – $108,000 ยังคงถือเป็นแนวต้านสำคัญอีกชั้นที่ถ้าหาก Bitcoin ไม่สามารถฝ่าทะลุไปได้ก็อาจส่งผลทำให้เกิดการกลับตัว ซึ่งเราเห็นกันมาแล้วชั่วขณะหนึ่งในเช้าวันนี้ 

การกลับมาเปิดรัฐบาล และข้อมูล CPI

ในสัปดาห์นี้ มีความเป็นไปได้สูงมากว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะกลับมาดำเนินงานอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลให้ตัวเลขข้อมูลเอกสารต่างๆ จะถูกนำกลับมาเผยแพร่อีกครั้ง และนั่นเป็นสิ่งที่ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงจะต้องจับตาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ขณะเดียวกันในวันพฤหัสบดีที่ 13 พ.ย. จะมีการเปิดเผยตัวเลขดัชนีผู้บริโภค CPI ตามด้วย PPI ในวันรุ่งขึ้น ซึ่งการชัตดาวน์รัฐบาลในช่วงเดือนที่ผ่านมาอาจทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจเกิดความผันผวนได้ทั้งฝั่งดีและร้าย 

ข้อมูลจาก CME FedWatch เปิดเผยว่ายังคงมีความเป็นไปได้มากกว่า 64% ว่าทางเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยแม้ทางหน่วยงานจะยังไม่ยืนยันโดยอ้างการได้ข้อมูลที่ยังไม่ครบถ้วนเนื่องจากการชัตดาวน์

เงินอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจ

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงวิกฤตโควิดปี 2020 รัฐบาลสหรัฐฯเคยได้มอบเงินเยียวยาจำนวนหนึ่งให้กับประชาชนในประเทศ ร่วมด้วยการ QE ส่งผลทำให้ตลาดคริปโตพุ่งทะยานอย่างรุนแรงในปีถัดมา จากราคา Bitcoin ที่หมื่นกว่าดอลลาร์พุ่งขึ้นมาจบรอบสูงถึง $67,000

เหตุการณ์ดังกล่าวก็ดูมีเค้าลางว่ากำลังจะซ้ำรอยเมื่อทรัมป์ได้เผยว่าเขาอาจจะมีการแจกเงินปันผลให้กับประชาชนคนละ $2,000 ซึ่งเป็นเงินที่ได้จากการเก็บภาษีนำเข้ามาแจกจ่าย แต่รายละเอียดเพิ่มเติมยังคงไม่ถูกเปิดเผยว่าจะสามารถอนุมัติได้จริงหรือไม่

นอกจากนี้ สภาพคล่องของสหรัฐฯ และนานาชาติยังเพิ่มขึ้นอย่างมาก ถือเป็นการสนับสนุนมุมมองตลาดกระทิงของคริปโต ตลอดทั้งปี โดยปริมาณเงินหมุนเวียน (broad money supply) ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 142 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นสถิติใหม่

Kobeissi รายงานว่านับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ปริมาณเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้น +9.1% โดยมีจีนและสหรัฐฯ เป็นตัวขับเคลื่อนอุปทานที่สูงจนทะลุเพดาน

นักเทรดออปชันยังไม่ไว้ใจ

แม้ว่าราคาจะฟื้นกลับขึ้นมาบางแล้วในสัปดาห์นี้ แต่ดูเหมือนว่านักเทรดในตลาดฟิวเจอร์สและออปชันจะยังคงไม่ไว้วางใจว่าราคาช่วง $100,000 จะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว 

Glassnode เผยว่าความกลัวยังคงเป็นแรงผลักดันสำคัญในตลาดออปชัน โดยอัตราส่วน Put-Call นั้นแสดงให้เห็นว่านักลงทุนกำลังเน้นไปที่การป้องกันความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวระยะสั้นมากกว่าการเชื่อมั่นในการกลับตัวเป็นขาขึ้นอย่างแท้จริง และคาดว่าตลาดจะมีการทดสอบซ้ำแนวรับเพิ่มเติม

อย่างไรก็ดี ทางฝั่งของสัญญาคงค้าง (OI) แม้จะร่วงลงมาตามราคาแต่ตอนนี้ก็เริ่มเห็นการฟื้นกลับขึ้นมาเช่นกัน แต่นักเทรดก็ยังคงกังวลว่า Bitcoin นั้นมีสิทธิไม่กลับขึ้นไปยืนเหนือ $120,000 เช่นกัน

เจ้ามือเทขาย

ประเด็นสุดท้ายที่ต้องจับตาคือความเคลื่อนไหวของเจ้ามือที่มีการเทขาย Bitcoin ในระยะหลัง ซึ่งข้อมูลเผยว่าโดนเฉลี่ยแล้วในหนึ่งวันเจ้ามือมีการขาย Bitcoin กว่าวันละ 1,000 BTC

หากมองดูอย่างถี่ถ้วนแล้วแรงขายที่กล่าวมานั้นอาจไม่น่ากลัวอย่างที่คิด โดย Cryptoquant ระบุว่าถึงเจ้ามือยุคแรกจะทำการเทขายแต่เจ้ามือรายอื่นยังคงเข้าซื้ออย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากปริมาณของเจ้ามือที่ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ปี 2023 

ตัวเลขระบุว่า จำนวนของ Bitcoin ภายใต้การถือครองของเจ้ามือลดลงอย่างชัดเจนจาก 398,000 BTC ในเดือนสิงหาคมลงมาเหลือเพียง 185,000 BTC ในเดือนตุลาคมซึ่งเป็นจุดสูงสุด ก่อนที่จะย่อตัวรุนแรงต่อเนื่อง แต่ในวันที่ 7 พฤศจิกายน จำนวนนี้กลับเพิ่มขึ้นมาเป็น 294,000 BTC อีกครั้ง 

หากอธิบายให้เข้าใจง่ายก็คือ Bitcoin ที่ถูกขายออกไปเป็นเพียงแค่การส่งต่อจากเจ้ามือเก่าไปเป็นเจ้ามือหน้าใหม่ที่ยังรอคอยหาจังหวะซื้อของถูก เป็นการตีความได้ว่าพวกเขายังคงเชื่อมั่นในอนาคตของ Bitcoin และยังไม่ยอมแพ้ในเร็วๆนี้ เพราะสถานการณ์ปัจจุบันไม่เหมือนกับช่วงท้ายของปี 2021 

ที่มา : Cointelegraph