ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีของ Bitcoin มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงเหมือนวัฏจักรก่อน ๆ อีกต่อไปแล้ว
นี่คือสัญญาณสำคัญที่สะท้อนว่า รูปแบบความเสี่ยงและผลตอบแทนของ Bitcoin อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้วจริง ๆ คล้ายกับว่ามันกำลังเติบโตเป็นสินทรัพย์ที่มีความ “เสถียร” มากขึ้น
ต่างจากแนวคิดฟองสบู่ ในตลาดการเงิน ที่ศาสตราจารย์ Didier Sornette อธิบายไว้ ว่าคือช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้นเร็วกว่าอัตราการเติบโตปกติ หรือเกินกว่าระดับเอ็กซ์โปเนนเชียล ซึ่งสุดท้ายก็จะ “แตก” และราคากลับสู่จุดเริ่มต้นเสมอ
Bitcoin เองก็เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้วหลายครั้ง โดยหลังจากที่ราคาพุ่งแรง ก็เข้าสู่ “คริปโตวินเทอร์” หรือช่วงที่ราคาดิ่งแรง และตลาดซบเซา โดยในแต่ละรอบราคา Bitcoin ร่วงลงถึง-91%, -82%, -81% และ -75% ตามลำดับ
แต่ในอดีต แนวโน้มราคาของ Bitcoin มักจะดำเนินไปตามวงจร “Halving” (การลดรางวัลการขุดลงครึ่งหนึ่ง ทุกประมาณ 4 ปี) โดยแต่ละรอบจะเริ่มต้นจากการที่ราคาร่วงลง ตามด้วยการฟื้นตัว และราคาพุ่งขึ้นแบบเอ็กซ์โปเนนเชียล

ราคา Bitcoin มาตราส่วนลอการิทึม ที่มา: Diaman Partners
ในปี 2011 นักวิเคราะห์ได้ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “Diaman Ratio (DR)” ที่พัฒนาโดย Diaman Partners เพื่อประเมินว่าราคาสินทรัพย์กำลังอยู่ในช่วงฟองสบู่หรือไม่ โดยมีเกณฑ์คือ ถ้า DR ทะลุ 1 (DR > 1) จะถือว่าการเติบโตเกินระดับเอ็กซ์โปเนนเชียลและเข้าข่าย “ฟองสบู่” ทันที
- ถ้า DR < 0 : ราคาอยู่ในช่วงขาลง
- ถ้า DR < 1: การเติบโตยังอยู่ในระดับที่ยั่งยืน
- ถ้า DR = 1: การเติบโตเป็นแบบเอ็กซ์โปเนนเชียล
- ถ้า DR > 1: การเติบโตเกินระดับเอ็กซ์โปเนนเชียลเข้าข่าย “ฟองสบู่”
สิ่งที่น่าสนใจคือ ในวัฏจักรก่อน ๆ ค่า DR ของ Bitcoin มักจะพุ่งทะลุ 1 ไปหลายครั้ง บ่งชี้ถึงการก่อตัวของฟองสบู่อย่างชัดเจน ซึ่งนำไปสู่ “คริปโตวินเทอร์” ที่ราคาดิ่งแรงถึง -91% จนถึง -75% ในแต่ละรอบ แต่ในวัฏจักรล่าสุด (ปี 2024–2025) นี้ ค่า DR กลับไม่เคยสูงเกิน 1 เลย
มีเพียงช่วงสั้น ๆ ที่ค่าพุ่งขึ้น คือตอนที่ กองทุน Spot Bitcoin ETF ของสหรัฐฯ ได้รับอนุมัติ และการที่ Bitcoin ทำลายจุดสูงสุดเดิม ก่อน Halving 2024 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ “ผิดปกติ” และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์

การตรวจจับราคา Bitcoin + ฟองสบู่ ที่มา: Diaman Partners
สัญญาณการเปลี่ยนแปลงของ Bitcoin ยิ่งชัดเจนขึ้น เมื่อทีมวิเคราะห์พบว่า ความผันผวนของราคา (Volatility) ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยสูงกว่า 140% ต่อปี ตอนนี้เหลือเพียงประมาณ 50% หรือต่ำกว่า การที่ความผันผวนและผลตอบแทนเฉลี่ยลดลงพร้อมกันนี้เอง หมายถึง ราคา Bitcoin มีเสถียรภาพมากขึ้น และความเสี่ยงลดลง

ความผันผวนรายปีของ Bitcoin ที่มา: Diaman Partners
นอกจากนี้ผลตอบแทนรายปีที่เคยพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในอดีตได้ลดลงเรื่อย ๆ และในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แทบไม่เห็นจุดพีคของผลตอบแทนอีกเลย นี่อาจเป็นจุดสิ้นสุดของวัฏจักรแบบ “ปีทอง สลับปีร่วง” อย่างเป็นทางการ
ผลตอบแทน Bitcoin แบบโรลลิ่ง 1 ปี ที่มา: Diaman Partners
แม้ว่าราคา Bitcoin จะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจ เช่น จาก $15,000 ดอลลาร์ ไปแตะ $126,000 ดอลลาร์ ในจุดสูงสุดล่าสุด แต่การวิเคราะห์ผลตอบแทนเฉลี่ยในรอบ 4 ปี ก็พบแนวโน้มที่ชัดเจนว่า “ผลตอบแทนลดลงตามเวลา” ซึ่งสมเหตุสมผลเพราะการเพิ่มมูลค่าจาก $2 ล้านล้านดอลลาร์ไปเป็น $4 ล้านล้านดอลลาร์นั้นยากกว่าตอนที่มูลค่าตลาดยังน้อยมาก

ผลตอบแทนรายปีของ Bitcoin ในสี่ปี ที่มา: Diaman Partners
ในอดีต Bitcoin เคยเกิดฟองสบู่ถึง 4 ครั้ง แต่สิ่งที่แตกต่างคือมันมีความ “ยืดหยุ่น” และสามารถกลับมาเติบโตต่อได้เสมอ เพียงแต่ความรุนแรงและระยะเวลาของฟองสบู่ได้ลดลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งในรอบหลัง (เริ่มปี 2024) ยังไม่เห็นการเติบโตแบบ “เกินเอ็กซ์โปเนนเชียล” (DR > 1) เลย และนี่คือเหตุผลที่นักวิเคราะห์มองว่า หาก Bitcoin จะขึ้นไปแตะระดับ $1 ล้านดอลลาร์ อาจต้องใช้เวลาอีกถึง 15 ปี ในขณะที่การคาดการณ์ที่สูงเกินจริง เช่น $13 ล้านดอลลาร์ในปี 2040 นั้น “แทบเป็นไปไม่ได้ในทางสถิติ”

ความมั่งคั่งของ Bitcoin ที่เกิดขึ้นในแต่ละรอบ ที่มา: Diaman Partners
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มาทำลายวงจร 4 ปีของ Bitcoin อย่างแท้จริง คือการอนุมัติ กองทุน Spot Bitcoin ETF อย่าง IBIT ของ BlackRock ซึ่งมีการเติบโตที่รวดเร็วถึง 100,000 ล้านดอลลาร์ในเวลาไม่ถึง 3 ปี นี่คือปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และเป็นตัวเร่งให้ตลาด ไม่จำเป็นต้องรอเหตุการณ์ Halving เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนหลักอีกต่อไป
ที่มา : cointelegraph

