ในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจนหลุดระดับสำคัญเกือบแตะ $100,000 อีกครั้ง โดยลงไปทำจุดต่ำสุดระหว่างวันที่บริเวณ $98,000 ส่งผลให้มูลค่าตลาดคริปโตเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะกลับมาเปิดทำการตามปกติแล้วก็ตาม

เมื่อมองดูในภาพใหญ่จะเห็นได้ว่าไม่ใช่คริปโตเพียงอย่างเดียวที่ได้รับผลกระทบ แต่ตลาดหุ้นเองก็เสียหายไปไม่น้อย ทำให้เราเห็นได้ว่าการที่ตลาดเกิดความผันผวนขึ้นนั้นมีเหตุมาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคที่เริ่มน่ากังวล
เฟดอาจไม่ลดดอกเบี้ยเพิ่ม
เริ่มต้นกันด้วยสาเหตุแรกกับท่าทีของเฟดที่เริ่มเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่เชื่อมั่นกันว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม แต่ปัจจุบันความเป็นไปได้นั้นกลับลดลงเหลือเพียงแค่ 50% เท่านั้น

การที่เฟดตัดสินใจจะยังคงดอกเบี้ย ถือเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยสู้ดีนักสำหรับสินทรัพย์เสี่ยง ดังนั้นทั้งตลาดหุ้นและตลาดคริปโตจึงกอดคอร่วงลงไปพร้อมกัน เพื่อรอดูท่าที
แรงซื้อหดหาย
ข้อมูลสภาพคล่องของ Bitcoin เผยให้เห็นว่าแรงซื้อฝั่งสปอตได้ลดลงอย่างมาก ทำให้ไม่มีการดูดซับแรงขายส่งผลทำให้ราคาถูกดันลงมา ซึ่งข้อมูลจากทาง CryptoQuant เปิดเผยว่าตอนนี้นักลงทุนยังไม่ค่อยอยากสะสม Bitcoin และไม่มีเงินทุนใหม่ไหลเข้ามายังตลาด
ขณะเดียวกัน ทางฝั่งของตลาดฟิวเจอรส์เองก็เริ่มที่จะซบเซาเห็นได้จากจำนวนของสัญญาคงค้าง (OI) ที่ลดลง และสภาพคล่องที่เหือดแห้ง แต่ถึงอย่างนั้นในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาได้มีนักเทรดสูญเงินไปแล้วกว่า $751 ล้าน จากการพอร์ตแตก ซึ่งหากคำนวนเพียงแค่ Bitcoin อย่างเดียวจะมีความเสียหายเกิดขึ้นกว่า $272 ล้าน และมาจากฝั่ง Long
ปัจจัยทางเทคนิค
ข้อสุดท้ายคือ ปัจจัยทางเทคนิคที่ชัดเจนในแง่ของการส่งสัญญาณขาลง เนื่องจาก Bitcoin ไม่สามารถทำลายแนวต้านที่ $105,000 ได้สำเร็จ ทำให้ราคาถูกปฏิเสธและปรับตัวลงมาอย่างรวดเร็ว เมื่อพิจารณารวมกับปัจจัยภายนอกแล้ว จึงทำให้เกิดการร่วงลงอย่างฉับพลัน
จะเกิดอะไรขึ้นต่อ?
หาก Bitcoin ไม่สามารถยืนเหนือระดับราคา $100,000 – $101,000 ได้ เราอาจจะเห็นราคาลดลงต่ำกว่า $97,000 เนื่องจากแนวรับสำคัญจะเปลี่ยนกลายเป็นแนวต้านสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Bitcoin มักจะมีการฟื้นตัวเสมอ ดังนั้นในวันจันทร์หน้าเราจะต้องมาดูกันว่า Bitcoin จะสามารถปิดกราฟรายสัปดาห์เหนือระดับ $100,000 ได้หรือไม่ ?

