MicroStrategy บริษัทจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา และเป็นบริษัทคลังสินทรัพย์ Bitcoin ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้สร้างความฮือฮาอีกครั้งด้วยการประกาศเข้าซื้อ Bitcoin (BTC) เพิ่มเติมจำนวน 8,178 เหรียญ โดยใช้เงินลงทุนมหาศาลถึง 835.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การเข้าซื้อครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ราคา Bitcoin มีความผันผวนและปรับตัวลดลงจากระดับ $110,000 สู่ $96,000
การตัดสินใจทุ่มเงินกว่าแปดร้อยล้านดอลลาร์เข้าซื้อ Bitcoin ในช่วงที่ตลาดกำลังเผชิญกับการปรับฐาน ถือเป็นการตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งของ Michael Saylor และ MicroStrategy ที่มีต่อ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ระยะยาว Saylor ได้กล่าวอยู่เสมอว่า กลยุทธ์ของบริษัทคือการสะสม Bitcoin อย่างต่อเนื่อง โดยใช้ช่วงที่ราคาปรับตัวลดลงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ
การเข้าซื้อครั้งล่าสุดนี้ทำให้ยอดรวม Bitcoin ที่ MicroStrategy ถือครองอยู่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีต้นทุนการซื้อเฉลี่ยรวมอยู่ที่ประมาณ $74,000 ต่อ BTC ซึ่งหมายความว่า ณ ระดับราคาปัจจุบัน บริษัทยังคงมี กำไรที่ยังไม่รับรู้ (Unrealized Gains) เป็นจำนวนมหาศาล
การเข้าซื้อ Bitcoin ในปริมาณที่สูงขนาดนี้ โดยที่ราคาตลาดไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทันที ได้กระตุ้นให้เกิดคำถามในชุมชนคริปโตเกี่ยวกับสภาพคล่องของตลาด นักวิเคราะห์บางรายชี้ว่า หากผู้ซื้อรายเดียวสามารถดูดซับปริมาณการซื้อขายได้มากขนาดนี้โดยที่ราคาแทบไม่กระดิก นั่นอาจบ่งชี้ถึงความซับซ้อนของกลไกสภาพคล่องในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมองว่าการซื้ออย่างไม่หยุดยั้งของ MicroStrategy ได้เปลี่ยนสถานะของบริษัทจากการเป็นแค่กลยุทธ์คลังทรัพย์สินทั่วไป ไปสู่ “พฤติกรรมอธิปไตย” (Sovereign Behavior) ที่มีอิทธิพลต่อทิศทางของสินทรัพย์ดิจิทัล
การเข้าซื้อของ MicroStrategy ในช่วงที่ปัจจัยมหภาคอย่างวิกฤต Government Shutdown ของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อราคา ถือเป็นการยืนยันว่าบริษัทเชื่อมั่นใน Bitcoin ในระยะยาวอย่างแท้จริง และมองว่าความผันผวนของราคาในระยะสั้นเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของวัฏจักร.
ที่มา: @BitcoinMagazine ,@saylor