<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

อย่าเพิ่งหมดหวัง! นักวิเคราะห์ชี้ Bitcoin แค่การเปลี่ยนผ่านยุค IPO ไปสู่เฟสเติบโตในระยะยาว

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปัจจุบันราคา Bitcoin ได้ร่วงลงจากจุดสูงสุดใหม่ที่ $126,000 มาทำจุดต่ำสุดระหว่างวันที่ $89,253 แม้ว่าภาพรวมจะดูเหมือนวิกฤต แต่นักวิเคราะห์บางราย เช่น Jordi Visser ประธานและ CIO ของ  Weiss Multi-Strategy Advisers กองทุนเฮดจ์ฟันด์ชื่อดังกลับมองว่านี่ไม่ใช่สัญญาณอันตราย แต่เป็นปรากฏการณ์ “IPO แบบเงียบ” (Silent IPO) ของ Bitcoin ที่คนส่วนใหญ่ยังมองไม่ออก

Visser อธิบายว่า ถ้ามองย้อนไปในตลาดหุ้นแบบดั้งเดิม ช่วงที่น่าเบื่อที่สุดมักจะเกิดขึ้น “หลัง” การ IPO ที่ประสบความสำเร็จมันคือ ช่วงที่นักลงทุนยุคบุกเบิก, ผู้ก่อตั้ง, หรือ VCs ที่แบกรับความเสี่ยงมาตั้งแต่ยังไม่มีใครเห็นค่า เริ่ม “ทยอยขายทำกำไร”  พวกเขาไม่ได้เทขายเพราะกลัวหรือหมดศรัทธา แต่ขายเพราะ “พวกเขาชนะแล้ว” และต้องการสภาพคล่องเพื่อไปใช้ชีวิตหรือกระจายความเสี่ยง

สิ่งที่เกิดขึ้นกับ Bitcoin ตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน เหล่า “เจ้ามือในยุค OG” ที่ถือ Bitcoin มาตั้งแต่ยุคหลักสิบหลักร้อยดอลลาร์กำลังเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ตลาด “โตพอ” (มี ETF, มีสถาบันรองรับ) ให้พวกเขาสามารถ “Exit” หรือออกจากโพซิชั่นยักษ์ใหญ่ได้โดยไม่ทำให้ตลาดพังทลาย 

ข่าวอย่างการที่ Galaxy Digital เทขาย Bitcoin ล็อตเดียว 9 พันล้านดอลลาร์ให้ลูกค้ารายเดียว หรือข้อมูล On-chain ที่แสดงให้เห็น “เหรียญยุคเก่าแก่” เริ่มเคลื่อนไหว คือหลักฐานชัดเจนว่านี่ไม่ใช่การเทขายของรายย่อย แต่คือ “การส่งไม้ต่อ” อย่างเป็นระบบ

Visser ย้ำว่านี่ต่างจากตลาดหมีโดยสิ้นเชิง ตลาดหมีเกิดจาก “ความกลัว” และการ “สิ้นศรัทธา” (เหมือนวิกฤต ICO ปี 2018 หรือวิกฤตโควิด 2020) แต่ปัจจุบัน พื้นฐานของ Bitcoin แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทั้ง ETF, การยอมรับในระดับสถาบัน, และเครือข่ายที่ปลอดภัย การที่ราคาไม่ร่วงหนักแต่แค่ “ย่ำฐาน” ก็เพราะแรงขายมหาศาลของเหล่า OG กำลังถูก “ดูดซับ” อย่างเงียบๆ โดยสถาบันและผู้ซื้อกลุ่มใหม่ที่รอเก็บของอยู่

นี่คือการ “เปลี่ยนมือ” ครั้งประวัติศาสตร์ จากนักอุดมการณ์กลุ่มเล็กๆ ไปสู่มือนักลงทุนสถาบันและรายย่อยนับล้าน  แม้กระบวนการนี้จะน่าหงุดหงิดและอาจกินเวลาอีกสักพัก แต่เมื่อการ “ปล่อยของ” นี้สิ้นสุดลง Bitcoin จะมีเสถียรภาพมากขึ้น ลดความผันผวนรุนแรง (แบบ 10 เท่า หรือ ร่วง 80%) และกลายเป็นสินทรัพย์ที่ “น่าเบื่อ” พอที่สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ทั่วโลกจะก้าวเข้ามาลงทุนอย่างจริงจัง นี่จึงไม่ใช่จุดจบ แต่คือการสิ้นสุดของยุคบุกเบิก เพื่อก้าวสู่เฟสการเติบโตที่มั่นคงในระยะยาว

ที่มา : Medium