แพลตฟอร์ม X ได้เปิดตัวการอัปเดตใหม่ที่มุ่งเน้นการเพิ่ม “ความโปร่งใส” ของบัญชี เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจับโกง จับบอท และโปรไฟล์ปลอมได้อย่างแม่นยำกว่าเดิม
ฟีเจอร์นี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรับมือกับปัญหาที่บอทและบัญชีปลอมมีความแนบเนียนคล้ายมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยี AI พัฒนาจนยากต่อการแยกแยะระหว่างบัญชีจริงกับบัญชีต้องสงสัย
วิธีการใช้งานก็ง่ายมาก เพียงแค่กดที่คำว่า “เข้าร่วม” บนหน้าโปรไฟล์ของผู้ใช้แต่ละราย หน้าต่างข้อมูลใหม่จะปรากฏขึ้น ซึ่งจะแสดงรายละเอียดสำคัญ เช่น วันที่สมัครบัญชี พื้นที่หรือประเทศที่ผูกกับบัญชี และช่องทางการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่ใช้ (App Store/Google Play) ทำให้สามารถประเมินความน่าเชื่อถือของบัญชีได้อย่างรวดเร็ว
ตามรายงานของ TechCrunch การแยกแยะความแตกต่างระหว่างตำแหน่งที่ตั้งที่ระบุในโปรไฟล์ กับข้อมูลตำแหน่งที่แท้จริงที่แสดงโดยระบบ ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่าบัญชีนั้นน่าสงสัย
โดยฟีเจอร์นี้ถูกประกาศทดสอบตั้งแต่เดือนตุลาคม 2025 โดย Nikita Bier หัวหน้าฝ่ายโปรดักต์ของ X แม้ว่าขณะนี้ผู้ใช้งานในหลายประเทศจะเริ่มมองเห็นฟีเจอร์ดังกล่าวในบัญชีของตนเองแล้ว แต่ยังไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลของบัญชีบุคคลอื่นได้ ซึ่งคาดการณ์ว่า X ต้องการให้เจ้าของบัญชีได้มีโอกาสตรวจสอบ ปรับตั้งค่า หรือแก้ไขข้อมูลส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนที่จะเปิดใช้งานในวงกว้างต่อไป
ทั้งนี้ X ได้เพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับสถานที่ตั้งได้ โดยสามารถเลือกแสดงเพียง “ภูมิภาค” กว้าง ๆ แทนการแสดงประเทศเฉพาะเจาะจงเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
ชุมชนคริปโตกลัว กระทบความเป็นส่วนตัว
ฟีเจอร์ใหม่ของ X ที่เปิดเผยประเทศต้นทางของบัญชีผู้ใช้งาน ได้สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงในชุมชนคริปโตเคอร์เรนซี โดย Hayden Adams ผู้ก่อตั้ง Uniswap ถึงกับออกมาประณามว่า เป็นเหมือนการบังคับเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวไปโดยปริยาย
“ผมเกลียดฟีเจอร์นี้ จะเลือกเปิด (opt-in) ก็ว่าไปอย่าง แต่บังคับเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว (dox) นี่คือบ้าไปแล้ว”
ด้าน Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ก็แสดงความเห็นด้วย โดยมองว่า ฟีเจอร์นี้ “มีความเสี่ยงสูง ” เพราะทำให้ผู้ใช้งานจำนวนมากกังวลว่า จะถูกตามรอยได้ง่าย
แม้ว่า Nikita Bier ผู้อำนวยการฝ่ายโปรดักต์ของ X จะประกาศเปิดใช้ฟีเจอร์นี้ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและช่วยในการตรวจสอบบัญชี แต่ Buterin ยอมรับว่า เดิมทีเขาเห็นข้อดีอยู่บ้าง แต่เมื่อรับฟังเสียงของผู้ใช้งานก็ตระหนักว่าอันตรายนั้นมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำเตือนที่ว่า มันอาจทำให้ผู้ร้ายสามารถใช้ฟีเจอร์นี้เพื่อตามล่าตัวเศรษฐีคริปโต
ท้ายที่สุด Buterin สรุปว่า “การเปิดเผยประเทศของผู้ใช้งานแบบที่เลือกปิดไม่ได้เลย มันไม่โอเค” เพราะถึงแม้ข้อมูลประเทศอาจจะยังไม่เพียงพอที่จะระบุตัวตนสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับบางคน “ข้อมูลแค่ไม่กี่บิตก็ทำให้พวกเขาเสี่ยงแล้ว” และไม่ควรถูกบังคับให้เปิดเผยข้อมูลนี้โดยไม่มีทางเลือก
ในขณะที่ Andrei David ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) ของ Summer.fi ก็เตือนว่า ปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่การแสดงประเทศ แต่คือ “การบังคับให้ทุกคนเปิดเผยโดยไม่แจ้งล่วงหน้า” พร้อมทั้งย้ำว่า ฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัว ควรมีการตั้งค่าเริ่มต้นแบบ “ไม่เปิดเผย” เพื่อให้ผู้ใช้งานตัดสินใจเอง
ที่มา : msn , cointelegraph