เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา JP Morgan ได้ยื่นเอกสารขออนุมัติผลิตภัณฑ์การลงทุนแบบเลเวอเรจต่อหน่วยงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ (SEC) ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเดิมพันกับราคา Bitcoin ผ่านกองทุน iShares Bitcoin Trust (IBIT) ของ BlackRock พร้อมโอกาสรับผลตอบแทนแบบ “ไร้เพดาน” หากราคา BTC พุ่งขึ้นช่วงปี 2028
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ของ JP Morgan ถูกจัดอยู่ในหมวด “หุ้นกู้อนุพันธ์” (Structured Note) ที่มีเงื่อนไขซับซ้อน หากราคา Bitcoin ETF เท่ากับหรือสูงกว่าระดับที่กำหนดภายในวันที่ 21 ธันวาคม 2026 ทางธนาคารจะทำการเรียกคืนหุ้นกู้และจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำ 160 ดอลลาร์ต่อหน่วย (หน่วยลงทุนละ $1,000) นั่นหมายความว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทน 16%
และในทางกลับกัน หากราคา Bitcoin อยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ นักลงทุนจะต้องถือผลิตภัณฑ์ต่อจนถึงปี 2028 และมีสิทธิรับผลตอบแทน 1.5 เท่าจากผลกำไรของ Bitcoin แบบไม่มีเพดาน
อย่างไรก็ตาม เอกสารแจ้งชัดเจนว่า ผลิตภัณฑ์นี้มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากหากราคา Bitcoin ร่วงแรงเกิน 40% นักลงทุนอาจสูญเสียเงินต้นจำนวนมาก ขณะที่ Bitcoin เองก็ยังถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนรุนแรง ซึ่งอาจทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
James Seyffart นักวิเคราะห์ ETF จาก Bloomberg ให้ความเห็นว่า การที่ธนาคารขนาดใหญ่จะออกผลิตภัณฑ์แบบนี้ถือเป็น “เรื่องปกติมาก” สำหรับสินทรัพย์แทบทุกประเภท โดยผลิตภัณฑ์ของ JPMorgan นี้เชื่อมโยงกับ iShares Bitcoin Trust ของ BlackRock ซึ่งเป็น Bitcoin ETF ที่ได้รับความนิยมสูงสุด และปัจจุบันบริหารจัดการสินทรัพย์ (AUM) กว่า 6.9 หมื่นล้านดอลลาร์
การเคลื่อนไหวนี้ถือว่าน่าสนใจ เพราะ JPMorgan Chase ถือเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และปัจจุบันเริ่มเปิดรับคริปโตมากขึ้น โดยธนาคารเพิ่งเปิดตัวโทเคนเงินฝากดิจิทัลบนเครือข่าย Base ของ Coinbase ไปเมื่อไม่นาน
ที่มา:decrypt

