Vanguard Group ผู้จัดการสินทรัพย์ยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของโลก สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ด้วยการประกาศกลับลำนโยบายแบบ 180 องศา อนุญาตให้นักลงทุนสามารถซื้อขายกองทุน ETF และกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีหลักๆ อย่าง Bitcoin, Ether, XRP และ Solana บนแพลตฟอร์มของตนได้แล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันอังคารนี้เป็นต้นไป การตัดสินใจครั้งนี้นับเป็นการ “กลืนน้ำลาย” ครั้งสำคัญของ Vanguard ที่เคยยืนกรานเสียงแข็งมาตลอดว่าสินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนสูงและเก็งกำไรเกินกว่าจะอยู่ในพอร์ตการลงทุนระยะยาว
ทนแรงต้านไม่ไหว! เมื่อกระแสเงินสำคัญกว่าอุดมการณ์
แม้ตลาดคริปโตจะเพิ่งผ่านมรสุมที่ทำให้มูลค่าตลาดหายไปกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ตั้งแต่เดือนตุลาคม แต่ความต้องการของลูกค้าทั้งรายย่อยและสถาบันกลับยังคงแข็งแกร่ง ในขณะที่คู่แข่งคนสำคัญอย่าง BlackRock โกยเม็ดเงินเข้ากองทุน IBIT ไปมหาศาล (แม้จะลดลงเหลือ 7 หมื่นล้านดอลลาร์จาก 1 แสนล้านดอลลาร์) การเปิดประตูของ Vanguard ครั้งนี้จะทำให้ลูกค้ากว่า 50 ล้านบัญชี ที่มีสินทรัพย์รวมกันกว่า 11 ล้านล้านดอลลาร์ สามารถเข้าถึงสินทรัพย์คริปโตได้ทันที ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่านี่คือชัยชนะทางจิตวิทยาของชาวคริปโตที่พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้แต่สถาบันการเงินที่อนุรักษ์นิยมที่สุดก็ไม่อาจต้านทานแรงดึงดูดของสินทรัพย์ดิจิทัลได้
อิทธิพล CEO ใหม่ รับคริปโต แต่ไม่เอา Meme Coin
การเปลี่ยนแปลงทิศทางครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้การนำของ Salim Ramji ซีอีโอคนใหม่ที่เป็นอดีตผู้บริหาร BlackRock และเป็นผู้สนับสนุนเทคโนโลยีบล็อกเชนตัวยง Andrew Kadjeski ผู้บริหารของ Vanguard ให้เหตุผลว่า กองทุนคริปโตได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าสามารถรักษาสภาพคล่องได้ดีแม้ในช่วงตลาดผันผวน อย่างไรก็ตาม Vanguard ยืนยันจุดยืนชัดเจนว่าจะ “ไม่สร้างกองทุนคริปโตของตัวเอง” และยังคง “แบน” กองทุนที่เกี่ยวข้องกับ Memecoins (เหรียญมีม) ตามนิยามของ ก.ล.ต. สหรัฐฯ โดยจะเน้นให้บริการเฉพาะกองทุนที่ได้มาตรฐานและผ่านเกณฑ์การกำกับดูแลเท่านั้น
ที่มา: yahoo

