 14 ธ.ค. นี้ อาจเป็นจุดเริ่มราคาพุ่งรอบใหญ่){kind=link}
เครือข่าย Bittensor (TAO) กำลังนับถอยหลังเข้าสู่เหตุการณ์ Halving ครั้งแรก ในวันที่ 14 ธ.ค. 2025 ซึ่งจะลดการปล่อยเหรียญ TAO ลงครึ่งหนึ่ง จาก 7,200 เหรียญต่อวัน เหลือ 3,600 เหรียญ ส่งผลให้อุปทานใหม่ลดลงทันที และเพิ่มความขาดแคลนของเหรียญในระบบนิเวศโดยอัตโนมัติ
Will Ogden Moore นักวิเคราะห์ของ Grayscale ระบุว่า ประวัติศาสตร์ของ Bitcoin แสดงให้เห็นชัดเจนว่า การลดอุปทาน สามารถดันมูลค่าเครือข่ายได้ แม้รางวัลจะลดลง เนื่องจากความปลอดภัยและมูลค่าตลาดของเครือข่ายกลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จาก Halving แต่ละครั้ง
Moore กล่าวว่า “ในทำนองเดียวกัน Halving ครั้งแรกของ Bittensor ถือเป็นก้าวสำคัญของเครือข่าย ในขณะที่มันกำลังก้าวเข้าสู่เพดานอุปทานสูงสุดที่ 21 ล้านเหรียญ”
ในด้านการออกแบบ Bittensor เป็นเครือข่ายบล็อกเชนที่เปิดให้ผู้ใช้เข้ามามอบ “ความฉลาด” ให้กับระบบ AI ของแพลตฟอร์ม ผ่านโครงสร้างที่เรียกว่า “Subnets” หรือเครือข่ายย่อย ซึ่งแต่ละเครือข่ายจะรับผิดชอบงาน AI เฉพาะด้าน ตั้งแต่ การประมวลผล , การจัดเก็บข้อมูล, AI Agents ไปจนถึงระบบตรวจจับ Deepfake
ปัจจุบัน Bittensor มี Subnets ที่ทำงานอยู่แล้วกว่า 129 เครือข่าย โดยเหรียญ TAO จะถูกแจกจ่ายเป็นแรงจูงใจตามคุณภาพของข้อมูลที่ผู้ใช้มีส่วนร่วม
Grayscale ยังมองว่า Bittensor กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นจากระดับสถาบัน โดยเฉพาะหลังการเปิดตัว Dynamic TAO (dTAO) ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเปิดทางให้นักลงทุนสามารถเข้าลงทุนใน Subnets ชั้นนำได้โดยตรง ทำให้มูลค่าตลาดรวมของ Subnets เติบโตอย่างรวดเร็ว
นักลงทุนสถาบัน เช่น Yuma Asset Management และ Stillcore Capital ได้เปิดตัวกองทุนที่มุ่งเน้นลงทุนในระบบ Subnets ของ Bittensor ขณะที่บริษัทมหาชนอย่าง TAO Synergies ถือครองเหรียญ TAO มูลค่าสูงถึง 12 ล้านดอลลาร์
Moore ระบุว่า “การเติบโตของแอปพลิเคชันบน Subnets การไหลเข้าของเงินทุนสถาบัน และการลดอุปทานจาก Halving ที่กำลังจะมาถึง อาจเป็นตัวเร่งสำคัญที่ช่วยหนุนราคา TAO ในเฟสถัดไป”
ในขณะที่รายงาน TAO มีการซื้อขายกันอยู่ที่ $282.31 เพิ่มขึ้น 0.5% ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ตามข้อมูลจาก Theblock
ที่มา:theblock