<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Gen Z แห่โยนทิ้งความฝัน เน้นใช้เงินประชดชีวิต-ทำงานน้อยลง-ทุ่มเงินลงทุนกับคริปโต

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปัจจุบัน การมีบ้านในฝันของคนรุ่นใหม่เริ่มเป็นสิ่งที่ห่างไกลความเป็นจริงออกไปเรื่อย ๆ ซึ่งผลสำรวจชี้ว่าอายุเจ้าของบ้านหลังแรกได้พุ่งสูงขึ้นเป็น 40 ปี แสดงให้เห็นถึงเรื่องน่ากังวลในหลายแง่มุม และในตอนนี้มีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่เริ่ม “สิ้นหวัง และ ยอมแพ้”

อ้างอิงจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Northwestern และ Chicago รวมถึง Harris Poll เปิดเผยว่า 46% ของวัยรุ่น Gen Z ยอมรับว่า “ไม่ว่าพวกเขาจะทำงานหนักขนาดไหน ก็แทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะได้ครอบครองบ้านในฝัน” ขณะที่ชาวอเมริกันกว่า 42% ก็คิดเห็นไปในทางเดียวกัน

Kyla Scanlon นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า ในปัจจุบัน Gen Z ได้เริ่มเผชิญหน้ากับ คติทำลายล้างทางการเงิน’ (Financial Nihilism) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ผู้คนเริ่มตั้งคำถามต่อ ‘ความฝันแบบอเมริกันที่เริ่มผุพัง’ ท่ามกลางสภาวะค่าจ้างที่หยุดนิ่ง, หนี้สินจากเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่สูงขึ้น และการแผ่อิทธิพลครอบงำของกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่

ด้วยเหตุนี้วัยรุ่นจำนวนไม่น้อยจึงเลือกที่จะทอดทิ้งความฝันในการมีบ้านไปอย่างสมบูรณ์เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น เพราะแค่ในปัจจุบันยังแทบจะเอาตัวไม่รอด ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องอนาคตระยะยาว 

มิหนำซ้ำ Gen Z ยังต้องพบกับวิกฤตเศรษฐกิจใหญ่ระดับโลกมากถึง 3 ครั้ง ตลอดช่วงชีวิต ร่วมด้วยการเป็นพยานการเห็นการเติบโตของเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดดจนตามไม่ทัน ที่ในอนาคตอาจส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานของพวกเขา

Gen Z ใช้มากกว่าเก็บ

Lee และ Yoo เจ้าของงานวิจัยในประเด็นดังกล่าวได้อธิยายว่า Gen Z ในขณะนี้มียอดการใช้จ่ายที่สูงกว่าการเก็บออม

งานวิจัยเผยให้เห็นว่า ราคาของอสังหาริมทรัพย์นั้นสูงขึ้นจนอยู่ในจุดที่ผู้เช่าไม่สามารถเปลี่ยนสถานะเป็นเจ้าของบ้านได้เลยจากการเก็บออมเงินเดือน ดังนั้นพวกเขาจึงเลิกที่จะเก็บเงินเพื่ออนาคตและนำมาจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันแทน ถึงขนาดเข้าขั้น “doomspending” ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยแบบไร้เหตุผล

ข้อมูลอธิบายต่อว่า มี Gen Z เกือบครึ่งของผู้ร่วมงานวิจัยไม่มีเงินสำรองติดตัวไว้ในบัญชี ขณะที่รายงานของ Bankrate ระบุว่ากว่า 27% ของ Gen Z มีหนี้ติดตัวมากกว่าเงินเก็บ

Gen Z จำนวนมากพบว่าตัวเองกำลังเดินอยู่บนเส้นด้ายทางการเงินที่ตึงเครียด โดยต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากระหว่างการจ่ายค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเร่งด่วน กับการเก็บเงินสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉิน และลงเอยด้วยการเลือกซื้อสินค้าผ่านระบบสินเชื่อ (บัตรเครดิต/ผ่อนชำระ) แทน

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น Gen Z ที่เคยคาดหวังว่าจะได้เงินมรดกตกทอดจากญาติพี่น้องหรือครอบครัวอาจต้องผิดหวัง และเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถคาดหวังว่าจะได้รับเงินก้อนโตจากการถ่ายโอนความมั่งคั่งครั้งใหญ่  

พฤติกรรมทำงานของ Gen Z

หลายคนคงเคยได้ยินกันมาบ้างถึงเรื่อง Gen Z ไม่สู้งาน ไม่อดทนเหมือนคนเจนอื่น ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกันทั่วโลก โดย Lee และ Yoo พบว่า Gen Z ได้ล้มเลิกความตั้งใจและคุณภาพในการทำงานลง เพราะมองว่ามันไม่มีความจำเป็นต้องทำ เพราะในเมื่ออนาคตของพวกเขาจะยังคงเลวร้ายอยู่ดีไม่มีอะไรเปลี่ยน

อ้างอิงคำตอบจากคำถามเชิงจิตวิทยาเกี่ยวกับความสำคัญของการ ‘ทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่เสมอ’ ในการทำงาน โดยงานวิจัยชี้ให้เห็นว่า สัดส่วนของกลุ่มผู้เช่าบ้านที่ระบุว่าตนเองไม่ค่อยมีไฟในการทำงานนั้นมีอัตราสูงเกือบเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่เป็นเจ้าของบ้าน

ทว่า Scanlon มองต่างออกไป และมองว่า Gen Z ไม่ใช่ไม่อยากทำงาน แต่เพียงแค่ไม่อยากทำงานในรูปแบบเดิมเหมือนที่เคยทำมาก่อนโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง

Gen Z เสี่ยงเดิมพัน

ประเด็นสุดท้ายในเรื่องของความสิ้นหวังได้นำมาสู้เส้นทางของการลงทุนสำหรับ Gen Z ที่ในเมื่อไม่สามารถเก็บออมมาได้ ก็ต้องลองเสี่ยงดูเผื่ออนาคตจะสดใสขึ้นบ้าง ดังนั้น คริปโตเคอร์เรนซีจึงเป็นทางเลือกที่คนวัยนี้ให้ความสนใจ 

งานวิจัยเผยว่าผู้เช่าที่มองเห็นหนทางในการเป็นเจ้าของบ้านมักจะไม่ค่อยทนต่อความเสี่ยง หรือทำอะไรก็ตามที่ชะลอเป้าหมายของพวกเขา ส่วนฝั่งที่ยอมแพ้ไปแล้วมักจะชอบความเสี่ยงยิ่งกว่าเพราะมองว่ามีโอกาสที่จะได้มากกว่าเสีย

งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งในปี 2025 เผยว่า Gen Z มีการถือครองคริปโตมากกว่าเงินในบัญชีที่ใช้เกษียณเสียด้วยซ้ำ แสดงให้เห็นว่าพวกเขายอมเสี่ยงหมดหน้าตัก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกังวลถึงเรื่องนี้เป็นอย่างมากหากยังคงเกิดขึ้นต่อไป

มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่วัยรุ่นอยากจะให้ความสนใจในเรื่องของการลงทุนตราบใดที่พวกเขามีเป้าหมายและการจัดการความเสี่ยงที่ชัดเจน แต่มันจะเป็นเรื่องน่ากังวลอย่างมากเมื่อคนกลุ่มนี้ทุ่มสุดตัวไปกับสินทรัพย์เสี่ยง Mark Smrecek ผู้ให้บริการจัดการทางการเงิน กล่าว

ที่มา : Fortune