<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

7 Stablecoins ที่ “หมุนเงิน” เร็วที่สุดในปี 2025

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปี 2025 ได้รับการจารึกว่าเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของวงการ Stablecoin ไม่ว่าจะเป็นการผ่านร่างกฎหมาย GENIUS Act อันเป็นประวัติศาสตร์ หรือการเข้าตลาดหุ้น (IPO) ของ Circle ที่หลายคนจับตามอง โดยภาพรวมอุปทานของ Stablecoin สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้พุ่งทะยานเพิ่มขึ้นกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ ทำให้ยอดรวมแตะระดับ 3.14 แสนล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม มูลค่าตลาด (Market Cap) เพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถวัดความสำเร็จได้ทั้งหมด Timothy Massad อดีตประธาน CFTC ชี้ว่าตัวชี้วัดที่แท้จริงคือ “ความเร็วในการหมุนเวียน” (Velocity) หรืออัตราส่วนปริมาณการซื้อขายเทียบกับอุปทาน ซึ่งบ่งบอกว่าเหรียญถูกนำมาใช้งานจริงมากแค่ไหน และนี่คือ 7 เหรียญที่มีอัตราการหมุนเวียนสูงสุดในปีนี้

1. Tether ( USDT) ราชาที่ยังไม่มีใครโค่นลง (Velocity: 166)

Tether ยังคงครองบัลลังก์ด้วยความเร็วระดับปีศาจที่ 166 (หมายถึงเหรียญถูกเปลี่ยนมือเฉลี่ย 166 ครั้งต่อปี) โดยมีมูลค่าตลาดสูงถึง 1.86 แสนล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้น 35% จากต้นปี แม้จะต้องย้ายฐานทัพไปเอลซัลวาดอร์และถูก Binance ถอดออกจากตลาดยุโรปตามกฎ MiCA แต่บริษัทก็ยังฟันกำไรมหาศาลกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี

2. Ripple USD (RLUSD) ม้ามืดสายสถาบัน (Velocity: 71)

เซอร์ไพรส์ใหญ่ของปีตกเป็นของ Ripple Labs ที่คว้าอันดับ 2 ด้วยความเร็ว 71 แม้มูลค่าตลาดจะมีเพียง 1.3 พันล้านดอลลาร์ แต่จุดเปลี่ยนสำคัญคือการได้รับ “ไฟเขียว” จากสำนักงานบัญชีกลางสหรัฐฯ (OCC) ให้จัดตั้งธนาคารทรัสต์แห่งชาติ ได้ ซึ่ง Brad Garlinghouse ซีอีโอ Ripple ยกย่องว่าเป็นก้าวสำคัญที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับความโปร่งใสของ Stablecoin

3. Circle (USDC) ยักษ์ใหญ่สายขาว (Velocity: 56)

Circle ได้รับอานิสงส์เต็มๆ จากกฎหมาย GENIUS Act ส่งผลให้มูลค่าตลาดพุ่งขึ้น 78% แตะ 7.84 หมื่นล้านดอลลาร์ ความสำเร็จในการระดมทุน IPO (CRCL) ร้อนแรงจนตลาด NYSE ต้องระงับการซื้อขายถึง 3 ครั้ง นอกจากนี้ Circle ยังโชว์รายได้ไตรมาส 3 ที่เติบโตถึง 66% และกำลังทดสอบบล็อกเชนใหม่ “Arc” ร่วมกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง BlackRock และ Visa

4. USD1 (USD1) น้องใหม่พลัง Trump (Velocity: 39)

เหรียญ USD1 จาก World Liberty Financial ซึ่งมีโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง กลายเป็นม้ามืดที่น่าจับตามองที่สุด โดยพุ่งแตะมูลค่าตลาด 1 พันล้านดอลลาร์ภายในเวลาไม่ถึงเดือนหลังเปิดตัวในเดือนเมษายน เหรียญนี้เน้นจับกลุ่มนักลงทุนรายย่อยและพยายามเจาะตลาด Solana ด้วยการจับมือกับโปรเจกต์ดังอย่าง Bonk และ Raydium โดยมีเป้าหมายที่จะเอาชนะ USDT และ USDC ให้ได้ก่อนจบวาระประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของทรัมป์

5. PayPal USD (PYUSD) เทคโนโลยีที่ขยายตัว (Velocity: 18)

PayPal USD เติบโตอย่างมั่นคงด้วยมูลค่าตลาด 3.8 พันล้านดอลลาร์ (เพิ่มขึ้น 3 เท่าจากเดือนกันยายน) ผ่านการขยายตัวไปยัง 9 บล็อกเชนใหม่ร่วมกับ LayerZero แต่ปีนี้ก็มีสะดุดเล็กน้อยเมื่อ Paxos ผู้ออกเหรียญเกิดข้อผิดพลาดทางเทคนิค “เผลอพิมพ์และเผา” เหรียญมูลค่ามหาศาลถึง 300 ล้านล้านดอลลาร์ แต่โชคดีที่ไม่มีเงินลูกค้าได้รับผลกระทบ

6. USDe (USDe) ความผันผวนของ DeFi (Velocity: 11)

USDe ของ Ethena Labs เป็นเหรียญเดียวในลิสต์ที่ไม่ได้หนุนหลังด้วยเงินสด แต่ใช้กลยุทธ์ Delta-neutral แม้มูลค่าจะเคยพุ่งไปถึง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ก็ร่วงลงอย่างหนักหลังเหตุการณ์ Flash Crash ในเดือนตุลาคม และยังต้องถอนตัวจากตลาดเยอรมนีเนื่องจากปัญหาด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ

7. USDS (USDS) ยักษ์ใหญ่สายออม (Velocity: 1)

USDS (ชื่อใหม่ของ DAI จาก Sky/MakerDAO) มีอัตราการหมุนเวียนต่ำที่สุดเพียง 1 ซึ่งเป็นความตั้งใจของระบบที่ออกแบบมาเพื่อการ “ออม” มากกว่าการใช้จ่าย โดยเหรียญส่วนใหญ่ถูกล็อกไว้เพื่อรับผลตอบแทน 4% ทำให้แม้จะหมุนเวียนช้า แต่มูลค่าตลาดก็เติบโตถึง 85% แตะ 9.8 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้

ที่มา: decrypt