Vitalik Buterin ผู้ร่วก่อตั้งคนสำคัญของ Ethereum เมื่อไม่นานมานี้ได้ออกมาแสดงความกังวลถึงเรื่องของการที่บริษัท เช่น Microsoft กำลังมีสิทธิในการควบคุมคอมพิวเตอร์ของเรามากขึ้น
เรื่องราวเริ่มต้นมาจากโพสต์ของ Andrew Perpetua ที่กล่าวว่า บริษัทกำลังริดรอนสิทธิในการครอบครองคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ซึ่งจะรวมไปถึงโทรศัทพ์และแท็บเล็ต
Perpetua มองว่าบริษัทต้องการยุติการครอบครองกรรมสิทธิ์เหล่านี้ (จากซื้อขาดกลายเป็นซื้อเช่า) เนื่องจากคนไม่สามารถซื้อบ้านได้แล้ว ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ กลายเป็นสิ่งของชิ้นใหญ่อย่างสุดท้ายที่พอจะซื้อได้ และมันก็สำคัญกับชีวิตในยุคปัจจุบันอย่างมาก
ซึ่งถ้าหากในอนาคตคุณซื้อแล้วคุณไม่ได้เป็นเจ้าของอีกต่อไป อนาคตจะย่ำแย่ขนาดไหนบางทีคุณอาจจะไม่ได้เป็นเจ้าของเสื้อผ้าด้วยซ้ำ และดูเหมือนว่าสังคมของเรากำลังมุ่งหน้าไปสู่ “สังคมนิยมสุดโต่ง และระบบ คอมมิวนิสต์” หากผู้คนหมดความอดทนกับพฤติกรรมเหล่านี้
Vitalik Buterin ที่เห็นโพสต์ดังกล่าว จึงคอมเมนต์เสริมว่า จากประสบการณ์ของเขาในตอนที่ซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ เพื่อจะนำมาลงระบบปฏิบัติการ Linux แต่เขาก็จำเป็นที่ต้องบูท Microsoft Windows ขึ้นมาแต่ทำอย่างไรก็มีปัญหาตลอดเพราะระบบบังคับให้เขาต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เพื่อเชื่อมไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Microsoft ถึงจะติดตั้งสำเร็จ
Buterin รู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมากพร้อมระบุอย่างชัดเจนว่า มันเหมือนกับโลกยุคมืดแบบดิสโทเปียสุดๆ
สำหรับสาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากในเดือนตุลาคม 2025 ทาง Microsoft ได้ปรับนโยบายใหม่ ว่าผู้ใช้จำเป็นต้องเชื่อมกับบัญชี Microsft ถึงจะสามารถลง Windows 11 ในคอมพิวเตอร์ได้
ทั้งนี้ iRiSh ผู้ใช้งาน X รายหนึ่งได้เสริมว่า ปัจจุบันระบบของ Microsoft ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับผู้ใช้งาน 99.99% ที่ไม่มีความชำนาญด้านเทคนิค และการใช้คอมพิวเตอร์ เหมือนกับ “เนิร์ด” เหมือนกับตัวของ Vitalik Buterin จึงไม่แปลกที่เขาจะไม่พอใจ
คอมเมนต์ล่าสุดของ Burerin ได้สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่เขาพูดมาโดยตลอดถึงเรื่องความจำเป็นของการ “กระจายอำนาจ” เนื่องจากอนาคตจะน่ากลัวอย่างมากหากเทคโนโลยีถูกพัฒนาแบบกุมอำนาจเสร็จสรรพโดยไม่มีการตรวจสอบ
มากไปกว่านั้น ในปีที่ผ่านมา Buterin ยังได้มีการวิจารณ์ OpenAI ที่กำลังจะทำสุดยอดปัญญาประดิษฐ์ออกมาว่าเป็นไอเดียที่เสี่ยงเป็นอย่างมาก และผลักดันให้เกิดระบบนิเวศของ open models ที่สามารถรันบนอุปกรณ์ของผู้ใช้งานทั่วไปได้โดยตรง แทนที่จะพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์ส่วนกลางเพียงไม่กี่แห่งซึ่งถูกควบคุมโดยกลุ่มบริษัททรงอิทธิพลเพียงไม่กี่ราย
ที่มา : Benzinga