รายงานจาก Crypto Outlook ระบุว่าอุปสงค์และอุปทานที่เปลี่ยนไปส่งผลต่อราคา Bitcoin เป็นอย่างมากแม้ว่าจะมีจำนวน cryptocurrency เกิดใหม่เพิ่มขึ้นตลอดปี โดยเอกสารดังกล่าวยอมรับว่าเศรษฐศาสตร์ขั้นพื้นฐานต่อต้านการแข็งค่าของราคาที่มีการเติบโตของอุปทานอย่างรวดเร็ว เช่น การพุ่งขึ้นของราคาหรือการซื้อขายโทเคนแบบมีม
การเปลี่ยนแปลงของ Bitcoin นำไปสู่กระแสการยอมรับที่ไม่อาจต้านทานได้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การเปิดตัวกองทุนซื้อขาย ETF ในปี 2021 โดยสามารถสร้างระดับราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 69,000 ดอลลาร์
“Bitcoin มีการแข็งของราคาอย่างมีเอกลักษณ์ ในทางกลับกันจะกลายเป็นหลักประกันดิจิทัลระดับโลกเนื่องจากการเปิดตัวนั้นได้ปฏิวัติการเงินแบบดั้งเดิมตั้งแต่วันแรกที่ปรากฎตัวขึ้น สิ่งนี้ไม่เหมือนใครเพราะเมื่อ BTC มีอุปทานที่ลดลง อุปทานของ Altcoins อื่น ๆ ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน”
เป้าหมายราคา Bitcoin ที่ $100,000
นักวิเคราะห์จากสำนักข่าว Bloomberg ได้สังเกตการรีบาวน์ล่าสุดของ Bitcoin ที่เหนือระดับ 40,000 ดอลลาร์โดยมองว่าเป็น “พื้นมากกว่าเพดาน” โดยคาดว่าราคาอาจสูงถึง 100,000 ดอลลาร์เลยทีเดียว
หลังจากตลาดเหรียญดังกล่าวประสบกับความลำบากในช่วงต้นปีที่ BTC ร่วงลงต่ำกว่า 40,000 ดอลลาร์ เนื่องจาก FED และธนาคารแห่งประเทศอังกฤษประกาศเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นในปีนี้
จากแนวโน้มการเลือกตั้งของสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนและสงครามที่อาจเกิดขึ้นในยุโรปตะวันออกอาจหมายความว่า Bitcoin มีความได้เปรียบเมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น
“สินทรัพย์ Crypto อาจมีอะไรมากมายสำหรับพวกเขาในขณะที่การเลือกตั้งของสหรัฐฯ เข้าใกล้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดเงินเฟ้อ อุปสงค์จะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่แข็งแกร่งเพื่อฟื้นฟูตลาดหมีที่ยั่งยืน”
อย่างไรก็ตามสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะออกกฎหมายห้าม cryptocurrency โดยสมบูรณ์ โดยตั้งข้อสังเกตว่าสภาคองเกรสมีแนวโน้มที่จะยอมรับและจำกัดการใช้สกุลเงินดิจิทัลในปี 2565