<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ส่องประวัติ “Kristjan Kullamägi” นักเทรดมือฉมังแห่งตลาดการเงินสหรัฐฯ ฉายา “Lone Wolf แห่ง Wall Street”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Kristjan Kullamägi เป็นนักเทรดที่เก่งกาจอย่างแท้จริงจนหลายคนยกย่องให้เขาเป็นหนึ่งในตำนานนักเทรด เรียกได้ว่าเป็นบุคคลประเภทที่หนังสือสอนเทรดมักจะนำไปเขียนถึงบ่อย ๆ แต่นักเทรดมือใหม่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้ว่าตัวเขาในอดีตนั้นเป็นคนที่ตรงกันข้ามกับตอนนี้อย่างสิ้นเชิง เพราะเขาคือผู้ที่พ่ายแพ้ให้กับตลาดครั้งแล้วครั้งเล่า จนถูกคนอื่น ๆ ตราหน้าว่า “ขี้แพ้”

ก่อนที่ Kristjan จะเริ่มต้นเดินบนเส้นทางสายนักเทรด เขาไม่มีกองทุนเฮดจ์ฟันด์เป็นผู้สนับสนุนแต่อย่างใด เขาเป็นเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยธรรมดา ๆ ที่ทำงานในห้างสรรพสินค้าและมหาวิทยาลัย แต่ Kristjan เป็นหนึ่งในผู้ที่ตัดสินใจลาออกจากงานกลางคันเพื่อมาเป็นนักเทรดแบบเต็มตัว

เมื่อครั้งที่ Kristjan ยังเป็นนักเทรดมือใหม่นั้น เขาเป็นคนที่คาดการณ์ตลาดผิดทางอยู่เสมอ บัญชีของเขาสูญเสียเงินกว่า 5,000 ดอลลาร์ตั้งแต่เริ่มเทรดในปี 2013 และตลอด 2 ปีหลังจากที่เขาเริ่มเทรด Kristjan ก็สูญเสียเงินไปกับการเทรดอย่างมหาศาล เขาเปิดบัญชีประมาณ 3 หรือ 4 บัญชี และดิ้นรนอย่างสิ้นหวังในทุก ๆ วัน จนเรียกได้ว่าเงินเขายอมเสียไปนั้น มากมายยิ่งกว่าเงินที่นักเทรดรายย่อยส่วนใหญ่จะยอมเสียให้กับตลาด

ทว่าในที่สุดความพยายามของ Kristjan ก็เห็นผล โดยเมื่อปี 2020 เขาสามารถสร้างผลตอบแทนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้สูงถึง 35% และปีก่อนหน้านั้นคือ 25% และทุกวันนี้พอร์ตของเขาก็มีหุ้นรวมมูลค่านับสิบล้านดอลลาร์ ดังนั้นในวันนี้ทางสยามบล็อกเชนจึงจะพาทุกคนมาดูไปพร้อมกันว่า Kristjan มีกลยุทธ์การเทรดอย่างไรบ้าง

Swing Trading และ Position Trading

โดยปกติแล้วการเทรดแบบ Swing Trading จะดำเนินการในช่วงวันจันทร์ถึงวันศุกร์ และการออกออเดอร์ส่วนใหญ่มักจะขึ้นอยู่กับโครงสร้างในการเทรด (structure-based trading) หรือโอกาสที่ทิศทางของราคาจะเคลื่อนไหวต่อเนื่องไปตามแนวโน้ม (trend-continuation opportunities) ในขณะที่การเปิด Position มักจะดำเนินการหลายเดือนจนถึงหลายปี ตามแนวโน้มระยะยาวหรือแนวทางการลงทุน

ทุกวันนี้ Kristjan เป็นนักเทรดแบบ Swing Trading ในขณะที่คลุกคลีกับการเทรดแบบ Position Trading เป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตาม Kristjan ไม่ได้ใช้กลยุทธ์ทั้งสองนี้ในการเทรดมาตั้งแต่แรก

Kristjan กล่าวว่า เขาเป็นคนที่ขี้เกียจมาก เขาอยากทำงานน้อยลงแต่ทำเงินได้มากขึ้น ดังนั้นในตอนแรก Kristjan จึงตัดสินใจเป็นนักเทรดรายวัน โดยเขามักจะเข้าและออกจากการซื้อขายในระหว่างวัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป Kristjan ก็พบว่ากลยุทธ์นี้ไม่เหมาะกับเขา

กลยุทธ์ Day Trading นั้นเหมาะกับคนที่มีอัตราการทำกำไรได้ที่ค่อนข้างสูงจึงจะประสบความสำเร็จ เนื่องจากการเคลื่อนไหวระหว่างวันส่วนใหญ่มักถูกกลบด้วยเสียงรบกวนของตลาด และความจริงแล้วนักเทรดรายวันมักต้องการ position ที่มีขนาดใหญ่มาก (และอาจใช้ leverage ร่วมด้วย) เพื่อทำกำไรโดยอิงจากการเคลื่อนไหวของตลาดใน time frame ระดับนาที

position ขนาดใหญ่เหล่านี้สามารถสร้างผลกำไรได้อย่างน่าประทับใจ แต่สิ่งนี้ก็เหมือนกับดาบสองคม เพราะมันสามารถส่งผลให้เกิดความสูญเสียอย่างร้ายแรงได้ถ้าหากนักเทรดไม่รีบปิด Position ที่กำลังขาดทุน

เขาตระหนักได้ว่า ตนเองควรเปลี่ยนกลยุทธ์การเทรด หลังจากศึกษาการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ในอดีตอย่างละเอียด โดยโฟกัสไปที่การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่สุด และเขาก็เห็นว่าผลกำไรก้อนโตที่สุดนั้นมักมาจากการถือ position ในระยะยาว ไม่จำเป็นต้องเกิดจากการเคลื่อนไหวระดับ time frame นาที หรือการเคลื่อนไหวของราคาในระหว่างวัน

หลังจากที่ Kristjan มีประสบการณ์ในฐานะนักเทรดรายวันมากพอสมควรแล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาสามารถทำเงินได้ในปริมาณที่เท่ากันจากการเทรดแบบ Swing Trading ใน time frame ขนาดใหญ่ขึ้น ดังนั้น Kristjan จึงหันมาใช้กลยุทธ์เทรดแบบ Swing Trading เป็นกลยุทธ์หลักในทุกวันนี้

กลยุทธ์ Breakout ของ Kristjan

แม้ว่าตอนนี้ Kristjan จะเทรดใน time frame ขนาดใหญ่เป็นหลัก และเขาก็จับความเคลื่อนไหวของตลาดได้ช้าลงกว่าเดิม แต่แนวทางในการเทรดของเขานั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก โดย Kristjan ใช้ทักษะที่ได้เรียนรู้จากการเทรดรายวันมาเพิ่มผลกำไรจากการเทรดแบบ Swing Trading ให้สูงที่สุด

Kristjan มุ่งเน้นไปที่การ Breakout ในระยะยาวเป็นหลัก (long-only breakouts) ซึ่งจะเป็นจุดที่ทำให้หุ้นสหรัฐฯ กลับทิศทางอย่างชัดเจน โดยจากการทำ backtest และศึกษาการเคลื่อนไหวของราคาในอดีตตามรูปแบบกราฟที่สอนโดย William O’Neil เขาค้นพบว่ารูปแบบการ Breakout นี้ทำกำไรได้มาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นประวัติศาสตร์ตลาด ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เขามีความมั่นใจที่จะนำเงินก้อนโตเข้าไปในตลาดเพื่อเทรดตามแนวทางนี้

Kristjan ไม่เสียเวลาหลายปีเพื่อไล่ตามกลยุทธ์ holy grail trading เหมือนนักเทรดคนอื่น ๆ เขาแค่เลือกกลยุทธ์หนึ่งที่เหมาะกับเขา และอุทิศเวลาทั้งหมดเพื่อฝึกฝนและปรับให้เหมาะสม

Kristjan ใช้ Indicator แบบไหน?

สำหรับเทคนิคเฉพาะของเขานั้น Kristjan ใช้ Indicator จำนวนหนึ่งเพื่อวัดทิศทางของตลาดและกรองเฉพาะหุ้นที่มีโมเมนตัมสูง

Kristjan ใช้ Moving Averages 10 วันและ 20 วัน สำหรับ trailing-stops และเพื่อประเมินโมเมนตัม (10MA สำหรับหุ้นที่มีราคาผันผวน, 20MA สำหรับหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวของราคาแบบค่อยเป็นค่อยไป)

ถ้าหากเขามี position ที่ได้กำไรจากการเทรดและกราฟรายวันของหุ้นปิดต่ำกว่าเส้น MA เหล่านี้ เขาจะออกจาก position ของเขาทันที ซึ่งคล้ายกับเทคนิคการติดตามแนวโน้มมากมายที่ออกแบบมาเพื่อจับเทรนด์การเคลื่อนไหวขนาดใหญ่มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

Kristjan กล่าวว่า การเคลื่อนไหวส่วนใหญ่เกิดขึ้นในโมเมนตัมช่วงสั้น ๆ หลังจากการ Breakout โดยปกติจะกินเวลาเพียงไม่กี่วันถึงหนึ่งสัปดาห์ หรืออาจจะมากกว่านั้น และแน่นอนว่าเป้าหมายของเขาคือ การจับจุดที่เกิดการ breakout โดยเขามักจะขาย position ส่วนหนึ่งในช่วงการ breakout เหล่านั้นเพื่อล็อกผลกำไรขั้นต้นบางส่วน และลดความเสี่ยงของ position บางส่วนที่เขากำลังเปิดอยู่

ทั้งนี้ Kristjan อธิบายว่าเขาไม่เคยซื้ออะไรเลยถ้าหากการ breakout เกิดขึ้นในช่วงตลาดหมี เพราะเขาจะทำการเทรดเฉพาะช่วงที่มีความแข็งแกร่งเท่านั้น หรือเรียกได้ว่า Kristjan คือ คนที่ทุ่มซื้อหุ้นในตอนที่ราคาแพง และถือรอเพื่อขายตอนที่ราคาแพงกว่าเดิม ซึ่งสวนทางกับคำแนะนำของกูรูด้านการเทรดส่วนใหญ่ที่มักจะบอกให้ซื้อถูกและขายแพงเพื่อทำกำไร (กลยุทธ์ buy low and sell high)

Kristjan คือ คนที่ประสบความสำเร็จ เพราะใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตัวของเขาเองมากที่สุด ดังนั้นทั้งหมดที่กล่าวมานี้จึงไม่ได้หมายความว่าการเทรดแบบ Swing Trading ดีกว่า Day Trading และกลยุทธ์ Breakout ของ Kristjan ก็อาจไม่ได้เหมาะสมกับทุกคน

เรื่องราวของเขาแสดงให้เห็นว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับจุดแข็งและจุดอ่อนทางจิตวิทยาสำหรับนักเทรด เพราะนักเทรดคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอาจมีทัศนคติ ความคิด และพรสวรรค์ที่เหมาะกับการเข้า-ออกจาก position อย่างรวดเร็ว ในขณะที่นักเทรดรายอื่นอาจเหมาะกับการเทรดในระยะยาว ดังนั้นสิ่งสำคัญคือนักเทรดควรใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเรา เพื่อให้สามารถสร้างผลกำไรได้อย่างสม่ำเสมอไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นอย่างไรก็ตาม

ที่มา: Zen & The Art of Trading

ภาพจาก: Kristjan Kullamägi – TwitterInstagram