<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Ethereum staking สามารถเข้าถึงข้อมูล IP Address ของผู้ใช้ได้

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Ethereum staking ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน โดยผู้ตรวจสอบความถูกต้องจะเชื่อมต่อกับ IP Address ของผู้ใช้งานเพื่อสื่อสารกัน สิ่งนี้สามารถเปิดเผยตำแหน่งและตัวตนได้ ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

Ethereum staking ถูกตั้งคำถาม

ระดับความเป็นส่วนตัวในระหว่างการ Stake จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับกลไกและมาตรการที่แต่ละแพลตฟอร์มใช้ ผู้ใช้งานความตรวจสอบและทำความเข้าใจถึงระดับความปลอดภัยของแพลตฟอร์มหรือโปรโตคอลต่าง ๆ ที่พวกเขาจะใช้

Ethereum staking เป็นการถือ Ethereum ไว้ใน Wallet ตามที่กำหนด เพื่อทำให้เครือข่ายปลอดภัยขึ้นและผู้นำ ETH ไป Stake จะได้รับรางวัลตอบแทน โดยกระบวนนี้เกี่ยวข้องกับผู้ตรวจสอบความถูกต้องที่ตรวจสอบธุรกรรม, เขียนบล็อกใหม่, และรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย

ในขณะที่การ Stake ให้ประโยชน์มากมายกับเครือข่าย Ethereum แต่มันก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของ IP Address

คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อเข้ากับเครือข่าย Ethereum จะต้องมีการระบุ IP Address เพื่อให้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสื่อสารกันได้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูล IP Address สามารถนำไปหาตำแหน่งและตัวตนของผู้ตรวจสอบได้ สิ่งนี้ทำให้เกิดความกังวลด้านความเป็นส่วนตัว

เมื่อผู้ใช้ต้องการที่จะ Stake Ethereum พวกเขาต้องเปิดโหนดตัวตรวจสอบความถูกต้องที่สื่อสารกับโหนดอื่นบนเครือข่าย ในการเข้าร่วมการ Stake ผู้ตรวจสอบจะต้องเชื่อมต่อเครือข่าย Ethereum ผ่านทาง Ethereum Client เช่น Prysm, Lighthouse หรือ Teku ซึ่งตัว Clinet เหล่านี้จะใช้ IP Address ของผู้ตรวจสอบเพื่อสื่อสารกับเครือข่ายและส่งและรับข้อมูล

ความเป็นส่วนตัวในการ Stake

แม้ว่า IP Address จะจำเป็นสำหรับการสื่อสารบนเครือข่าย แต่มันก็สามารถเปิดเผยตำแหน่งและตัวตนของผู้ตรวจสอบได้เช่นกัน ซึ่งจะทำให้แฮ็กเกอร์หรือผู้ไม่หวังดีจะสามารถใช้ IP Address ในการโจมตีหรือเข้าถึงระบบของผู้ตรวจสอบความถูกต้องได้ 

นอกจากนี้ รัฐบาลหรือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจะสามารถใช้ IP Address ในการติดตามผู้ตรวจสอบที่อาจมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย

หนึ่งในกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากการ Hard Fork ของ Ethereum ก็คือการที่มีนักวิจัยจาก Ethereum Foundation เปิดเผยว่า IP Address ของ ETH stakers ได้รับการตรวจสอบและเป็นส่วนหนึ่งของชุดข้อมูลขนาดใหญ่ สิ่งนี้จึงทำให้เกิดความกังวลในเรื่องความเป็นส่วนตัว

ในระหว่างการสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 12 เมษายนในรายการ Bankless crypto podcast นาย Justin Drake นักวิจัยจาก Ethereum Foundation ได้กล่าวว่า

“มีข้อมูลขนาดใหญ่จำนวนมาก คุณสามารถดู Address เงินฝาก, Address เงินถอน, ดูว่าใครเป็นคนรับค่า fee และสามารถดู IP Address ได้”

นาย Ryan Sean Adams ผู้ดำเนินรายการ Podcast ได้สอบถามว่าชุดข้อมูลนั้นสามารถรับมือกับ Sybil Attack ได้หรือไม่ และประกอบด้วยผู้ใช้ Ethereum ที่มีส่วนร่วมมากที่สุดหรือไม่ ข่าวการเปิดเผย IP Address ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์บนโลก Twitter

จะแก้ปัญหานี้อย่างไร

เพื่อแก้ไขกังวลดังกล่าว ผู้ตรวจสอบต้องใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของ IP Address ซึ่งหนึ่งในวิธีนั้นก็คือการใช้ VPN ซึ่งจะทำให้ผู้ไม่หวังดีไม่สามารถตรวจสอบ IP Address ของเราได้

อีกวิธีหนึ่งคือการใช้ Tor ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์แบบ Open-source ที่ช่วยให้สามารถใช้งานการสื่อสารออนไลน์แบบไม่ระบุตัวตนได้ อย่างไรก็ตาม การใช้ Tor อาจทำให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตช้าลง ซึ่งไม่เหมาสำหรับการทำ Ethereum Staking ซึ่งต้องใช้อินเทอร์ที่มีความเสถียร

ผู้ตรวจสอบอาจใช้ Proxy Sever เพื่อซ่อน IP Address ของตนได้ ซึ่ง Proxy Sever จะเป็นตัวกลางระหว่างคอมพิวเตอร์ของผู้ตรวจสอบความถูกต้องกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้ผู้ไม่หวังดีระบุ IP Address ได้ยาก

ความคิดเห็นของชุมชน

ผู้ใช้รายหนึ่งได้ให้ข้อมูลว่า

“VPN อาจเปลี่ยน IP Address ของคุณได้ แต่มันจะทำให้การเชื่อมต่อแบบ P2P ไม่เสถียร และ VPN มันอาจจะหยุดทำงานเองเป็นครั้งคราว โดยปกติแล้วจะไม่สามารถส่งพอร์ตทั่วไปไปยัง IP Address ของคุณผ่านทางการใช้ VPN ได้ ดังนั้นคุณจะสามารถเชื่อมต่อแบบภายนอกได้เท่านั้น ซึ่งมันจะทำให้ความ Decentralized ของเครือข่ายลดลง”

Source: Beincrpyto