Roaring Kitty หรือที่รู้จักกันในชื่อ Keith Gill นักลงทุนและนักวิเคราะห์การเงินชาวอเมริกัน เขามีชื่อเสียงโด่งดังจากการลงทุนในหุ้น GameStop ได้กลับมาเคลื่อนไหวบนโซเชียลมีเดียอีกครั้ง หลังห่างหายไปนานหลายปีส่งผลให้ราคาหุ้นของ GameStop และเหรียญ Memecoin ต่าง ๆ พุ่งขึ้นอย่างฉับพลัน โดยไม่มีใครได้ตั้งตัว
และในบทความนี้เราจะพาทุกท่านมารู้จักกับประวัติ และวีรกรรมของเขา รวมไปถึงสาเหตุว่าทำไมการกลับมาของนักเทรดหุ้นรายนี้ถึงมีความเกี่ยวข้องกับตลาดเหรียญมีม
ใครคือ Keith Gill ?
Keith Gill เป็นชายชาวสหรัฐฯ ที่มีความฝันที่อยากจะเป็นนักวิ่งแต่ด้วยอาการบาดเจ็บทำให้เขาต้องล้มเลิกความฝันและผันตัวเข้ามาสู่วงการลงทุน โดยในปี 2019 เขาได้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันชีวิตที่มีชื่อเสียงอย่าง MassMutual ก่อนที่ในปีเดียวกันนั้นเขาจะเริ่มโพสต์ลงในห้อง WallStreetBets ของเว็บไซต์ Reddit โดยใช้นามแฝงว่า “DeepFuckingValue” ซึ่งตัวของ Gill โด่งดังเป็นอย่างมากจากเหตุการณ์ short squeeze ในปี 2021 ที่ได้แนะนำให้นักลงทุนคนอื่น ๆ เข้าซื้อหุ้น Gamestop จนส่งผลให้ราคาดีดตัวขึ้นอย่างมาก กลายเป็นความโกลาหลครั้งใหญ่ในตลาด Wall Street แสดงให้เห็นว่าพลังของนักลงทุนรายย่อยก็สามารถกดดันเหล่ากองทุน Hedge Fund และสถาบันการเงินได้ ส่งผลให้เขาต้องขึ้นไปกล่าวคำให้การบน Capitol Hill หรืออาคารรัฐสภาของสหรัฐฯ
มหากาพย์ GameStop
เหตุการณ์ที่ทำให้ตัวของ Gill มีชื่อเสียงมากที่สุด มาจากการเข้าซื้อหุ้นของ GameStop บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการขายเครื่องและแผ่นเกม ที่ในช่วงนั้นกำลังประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนักจากทั้งภาวะ COVID-19 และการถูก Disrupt ด้วยกันในอุตสาหกรรมที่คนหันไปใช้ช่องทางดิจิทัลมากกว่าหน้าร้าน ซึ่งด้วยเหตุผลต่าง ๆ ที่กล่าวมาได้ทำให้เหล่านักลงทุนสถาบัน และกองทุน hedge funds ประเมินว่าหุ้นของ GameStop นั้นมีราคาที่สูงเกินไปและได้ทำการเปิด Short หุ้นที่เป็นการขอยืมหุ้นมาขาย เพื่อที่จะกลับไปซื้อในราคาที่ต่ำกว่าและกินกำไรจากส่วนต่าง
ก่อนที่ Gill จะเข้ามามีบทบาทหุ้นของ GME มีราคาซื้อขายอยู่เพียงแค่ $5.16 เท่านั้นจนกระทั้งผู้ใช้งานหลายคนในห้องReddit r/WallStreetBets รวมถึง Gill นั้นได้สังเกตว่ามีการเปิด short หุ้นเป็นจำนวนมาก จึงได้เริ่มแผนการที่จะ “short squeeze” ขึ้นซึ่งเป็นการไล่ให้นักลงทุนที่เดาว่าหุ้นจะร่วงต้องทำการขาย postition ออกมาเนื่องจากราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยตัวของ Gill นั้นแม้จะไม่ใช่คนเดียวในแผนการดังกล่าว แต่เขาก็ยังนับว่าเป็นหัวหอกคนสำคัญในแผนการนี้
Gill ได้โพสต์ระบายบน Reddit ว่า ผู้คนต่างคิดว่าธุรกิจ GameStop จะเจ๊งแต่บริษัทก็ได้พิสูจน์แล้วด้วยรายรับกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียว ดังนั้นไม่มีทางที่แค่การมาของโลกดิจิทัลจะทำให้ธุรกิจล่มสลายง่าย ๆ ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มเข้าซื้อหุ้นมาเรื่อย ๆ โดยเมื่อเวลาผ่านไปราคาที่สูงขึ้นต้องบีบให้บริษัทที่เปิด short ต้องยอมถอนตัวเช่น Melvin Capital ที่เสียหายไปกว่า $3 พันล้าน โดยเหตุการณ์นี้ Anthony Scaramucci ซีอีโอของ SkyBridge Capitol ได้ยกให้เป็นเหมือนกับการปฏิวัติฝรั่งเศษในโลกของการเทรดเลยทีเดียว
เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลงตัวของ Gill ได้ถูกเชิญไปให้คำให้การต่อ คณะกรรมาธิการบริการทางการเงิน สภาผู้แทนราษฎร สหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกันกับซีอีโอของ Robinhood ที่ถูกเชิญไปเช่นกัน หลังจากขัดขวางไม่ให้นักลงทุนทำการเทรดในวันที่หุ้น GME พุ่งทะยาน
Gill ได้ให้การว่า ตัวเขารู้สึกโชคดีเป็นอย่างมากที่ราคาของหุ้นดังกล่าวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เป็นการพิสูจน์ว่าความคิดเห็นของเขาเป็นเรื่องจริงที่บริษัทนั้นยังคงมีคุณค่าอยู่ และได้กล่าวด้วยว่าเขาไม่ใช่ สาย และไม่ได้มีการหลังไมค์เปิดคอร์สเป็นขบวนการเพื่อหารายได้จากเหตุการณ์นี้ แต่เป็นเพียงนักลงทุนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งในอีกไม่กี่เดือนถัดมาตัวเขาก็ได้หายไปจากโซเชียลมีเดียอย่างไร้ร่องรอย
การกลับมาของชายผู้เขย่าโลก
เวลาผ่านไปนานกว่า 151 สัปดาห์ หรือประมาณ 3 ปีในที่สุด Gill ก็ได้กลับมาเคลื่อนไหวบนโซเชียลมีเดียอีกครั้งหนึ่ง เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ด้วยการโพสต์ภาพเพียงภาพเดียวที่เป็นชายกำลังเอนหลังเล่นเกมอยู่บนเก้าอี้เด้งกลับขึ้นมาเล่นเกมอย่างใจจดใจจ่อ โพสต์ของเขาถูกแชร์ออกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ต่าง ๆ ก็ได้ออกมาตอบสนองเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น Andrew Tate ที่ได้ทำการขาย Bitcoin กว่า $500,000 และหันมาลงทุนในหุ้น GameStop และเหรียญมีมแทน หรือจะเป็น David Portnoy ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ข่าวกีฬา Barstool Sports ที่ได้ออกมาโพสต์ถึงการกลับมาของ Gill เช่นกัน
ตัวอย่างทั้งสองนี้แสดงให้เห็นว่าในปัจจุบัน Gill ไม่ได้เป็นเพียงแค่คนธรรมดาแล้ว แต่เป็นบุคคลสำคัญที่มีอำนาจมากพอที่จะทำให้ตลาดหรืออินฟลูเอนเซอร์ต้องหันมาฟังเขา
นักเทรดหุ้นเกี่ยวอะไรกับเหรียญมีม
จริงอยู่ว่าตัวของ Gill นั้นเป็นนักเทรดหุ้นไม่ใช่นักเทรดคริปโต แต่ด้วยความที่ตัวของเขานั้นชื่นชอบในการลงทุน “หุ้นมีม” ทำให้การกลับมาของเขาส่งผลกระทบมายังตลาดเหรียญมีมด้วยเช่นกัน ทว่าแม้ของ Gill อาจไม่มีบทบาทมากนักแต่ “ตลาด” นั้นตื่นตัวกับข่าวดังกล่าวเป็นอย่างมาก โดยในวันที่เขากลับมาภาพรวมตลาดเหรียญมีมได้ทำราคาขึ้นกว่า 5.4% โดยเหรียญมีตัวเด่น ๆ ทุกตัวล้วนต่างได้เห็นกราฟสีเขียวสดใส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PEPE ที่สามารถทำราคาทะลุสถิติสูงสุดตลอดกาลได้ในค่ำคื่นที่ผ่านมาตามที่สยามบล็อกเชนได้รายงาน
ทั้งนี้ตัวของ Keith Gill ยังไม่ได้มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เพิ่มเติมนอกจากที่เขาได้โพสต์ และลงคลิปวิดีโอมีมต่าง ๆ ทว่าทั้งตลาดหุ้นและตลาดคริปโตต่างได้จับตาเขาอยู่อย่างใกล้ชิดว่า เขาจะทำการโพสต์อะไรต่อไป