<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ข้อเท็จจริงหรือลวงโลก : สถาบันทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดกำลังพยายามเข้ามาแทนที่บริษัท Crypto

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

การมาถึงของ Crypto ได้รับปฏิกิริยาจากโลกการเงินหลายแบบ สถาบันทางการเงินบางแห่งอ้าแขนรับเทคโนโลยี ในขณะที่บางแห่งเข้าหา Crypto อย่างระมัดระวัง โดยในปีที่ผ่านมา มีบางทฤษฎีตั้งข้อสังเกตว่า สถาบันทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำลังพยายามเข้ามาแทนที่บริษัทที่อยู่ในวงการ Crypto มาตั้งแต่ยุคบุกเบิก

มีเหตุผลหลากหลายที่สนับสนุนว่า ทฤษฎีเหล่านี้อาจเป็นความจริง ประการแรกคือ การที่ Crypto มีท่าทีเป็นศัตรูกับระบบการธนาคารแบบดั้งเดิม จากการที่ Crypto มีการกระจายศูนย์ ซึ่งหมายความว่า Crypto ไม่ได้ถูกควบคุมโดยรัฐบาลหรือสถาบันทางการเงินใด ๆ ทำให้ Crypto มีความน่าดึงดูดในสายตาของผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมหรือกฎระเบียบในระบบการเงินแบบดั้งเดิม

ประการที่สอง Crypto อาจเข้ามาปฏิวัติระบบการเงินแบบดั้งเดิม ยกตัวอย่างเช่น การที่ Crypto สามารถใช้ในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศที่มีค่าธรรมเนียมถูกกว่าและรวดเร็วกว่า ทำให้ Crypto อาจใช้เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการทางการเงินแบบใหม่ได้

ประการที่สาม สถาบันทางการเงินขนาดใหญ่มีเงินและทรัพยากรจำนวนมากอาจเข้าร่วมการพัฒนาแพลตฟอร์ม Crypto เป็นของตัวเองหรือเข้าซื้อกิจการของบริษัท Crypto แห่งอื่น ๆ

แน่นอนว่า ในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า สถาบันทางการเงินขนาดใหญ่กำลังพยายามเข้ามาแทนที่บริษัท Crypto จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีสมคบคิดเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนโดยปัจจัยต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น

  • Bank of America: ในปี 2021 Bank of America ประกาศว่า ทางธนาคารจะเปิดตัวศูนย์วิจัยที่ทำการศึกษาความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยจะมุ่งไปที่การพัฒนาวิธีการใช้บล็อกเชนแบบใหม่ รวมไปถึงการชำระเงินและการเทรด
  • JPMorgan Chase: ในปี 2020 JPMorgan เปิดตัว Crypto ของตัวเองในชื่อ JMP Coin โทเค็นดิจิทัลที่ทำการ peg กับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการชำระเงินระหว่างนักลงทุนสถาบัน
  • Goldman Sachs: ในปี 2018 Goldman Sachs เปิดตัวกระดานเทรด Crypto ที่อนุญาตให้นักลงทุนสถาบันสามารถเทรด Bitcoin และ Crypto สกุลอื่นได้
  • BlackRock และสถาบันทางการเงินอื่น ๆ : เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา กองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก BlackRock ได้ยื่นขอจัดตั้งกองทุน Bitcoin Spot ETF ตามมาด้วยสถาบันทางการเงินอื่น ๆ อีกหลายแห่ง โดยมีผู้สมัครรายล่าสุดคือ Fidelity ที่ยื่นขอจัดตั้งกองทุน Bitcoin อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน

ตัวอย่างข้างต้น เป็นไม่กี่ตัวอย่างของการที่สถาบันทางการเงินขนาดใหญ่เข้ามามีความเกี่ยวข้องกับ Crypto แสดงให้เห็นว่า สถาบันทางการเงินเหล่านี้ไม่ได้เพิกเฉยต่อเทคโนโลยีนี้เสียทีเดียว และพยายามสำรวจว่าพวกเขาจะสามารถใช้ประโยชน์จาก Crypto ได้อย่างไรบ้าง

การที่สถาบันทางการเงินได้เปรียบบริษัท Crypto ด้วยการที่มีเงินทุนและทรัพยากรมากกว่า ทั้งยังมีความสัมพันธ์กับหน่วยงานกำกับดูแลต่าง ๆ ทำให้บริษัท Crypto จำเป็นต้องเร่งสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ และสร้างความแตกต่างเพื่ออยู่รอดในอุตสาหกรรม พวกเขาจำเป็นต้องเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่สถาบันทางการเงินขนาดใหญ่ไม่สามารถสู้ได้ และต้องสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับหน่วยงานกำกับดูแลต่าง ๆ

อนาคตของอุตสาหกรรม Crypto ยังคงไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม หนึ่งในสิ่งที่สามารถแน่ใจได้คือ สถาบันทางการเงินขนาดใหญ่จะไม่หนีไปไหนและไม่กลัวที่จะเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ว่า สถาบันทางการเงินเหล่านี้จะสามารถเข้ามาแทนที่บริษัท Crypto ได้หรือไม่

บทความนี้จัดทำขึ้นด้วยการใช้ข้อมูลจาก Bard ซึ่งเป็น Generative AI ที่ได้รับการฝึกฝนจากทีมพัฒนาของบริษัท Google และ ChatGPT ที่ได้รับการฝึกฝนโดย OpenAI คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ที่มาภาพ: U.today