นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดังได้ออกมาคาดการณ์ว่า ราคาของเหรียญ Binance Coin และ Bitcoin Cash จะพุ่งขึ้นในอีกไม่นาน
นักวิเคราะห์ที่รู้จักกันในชื่อ Kaleo ได้ออกมาทวีตการคาดการณ์ของเขาเกี่ยวกับศักยภาพของเหรียญ Binance Coin ซึ่งเป็น Native Token ของเครือข่าย Binance Smart Chain โดยเขาได้คาดการณ์ว่า เหรียญ BNB ที่ราคาต่ำกว่า 250 ดอลลาร์เป็นช่วงที่น่าช้อน
การวิเคราะห์ของเขาชี้ให้เห็นว่าราคาของเหรียญ BNB มีโอกาสกลับมาที่ 300 ดอลลาร์ และบางทีอาจขึ้นไปสูงกว่า 340 ดอลลาร์เหมือนในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยราคาของมันอาจจะพุ่งไปถึงระดับดังกล่าวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2023
แม้ว่า Binance Coin จะยังไม่มีกระแสในตอนนี้ แต่เขาชื่อว่ามันจะได้รับความสนใจจากสื่ออีกครั้งหลังราคาของมันเริ่มฟื้นตัวขึ้น
Binance Coin หรือ BNB เป็น Native Token ของกระดานเทรดคริปโต Binance ซึ่งเป็นกระดานเทรดชั้นนำระดับโลก โดยเหรียญ BNB สามารถใช้เป็นสำหรับข้อเสนอมากมายบนกระดานเทรด
อย่างไรก็ตาม กระดานเทรด Binance ได้ถูกฟ้องโดยสำนักงาน SEC เมื่อเดือนที่แล้ว โดยหน่วยงานกำกับดูแลกล่าวหาว่ากระดานเทรดมีการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ผิดกฎหมาย โดยการเคลื่อนไหวของ SEC ในครั้งนี้ได้ส่งกระทบต่อวงการคริปโตในวงกว้าง
กระดานเทรดBinance ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ และแสดงความผิดหวังต่อการตัดสินใจของ SEC ที่เลือกใช้การจะฟ้องร้องแทนการเจรจา โดยบริษัทได้ให้คำมั่นว่าจะปกป้องแพลตฟอร์มของตนด้วยความมุ่งมั่น และวิจารณ์แนวทางกำกับดูแลของ SEC ว่าขาดความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตและมีความซับซ้อน
คดีดังกล่าวได้ทำให้นักลงทุนรายใหญ่เทขายเหรียญ BNB ส่วนหนึ่งหลังจากถือไว้นานกว่า 2 ปี และได้กวาดกำไรไปจำนวนมาก
นอกจาก Binance Coin แล้ว Kaleo ยังได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเหรียญ Bitcoin Cash ซึ่งเป็นเหรียญคริปโตที่ราคาพุ่งอย่างรุนแรงเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา หลังจาก Fidelity, Charles Schwab และ EDX Markets ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Citadel เริ่มเปิดทำการซื้อขายสินทรัพย์ชนิดนี้
Kaleo บอกว่าเขาตัดสินใจลงทุนในเหรียญ Bitcoin Cash เนื่องจากเขาชอบมันที่คล้ายกับ Bitcoin และเขามองว่ามันจะพุ่งขึ้นอีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้
Bitcoin Cash ถูกสร้างขึ้นในเดือนสิงหาคมปี 2017 ซึ่งสร้างขึ้นมาจากการ Hard fork ของ Bitcoin Blockchain หลังจากมีข้อถกเถียงอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับปัญหาการ Scaling
Source: CryptoGlobe