ดูเหมือนว่านักขุดต้องเผชิญกับปัญหาครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง เนื่องจากต้นทุนการผลิต Bitcoin (BTC) ได้พุ่งขึ้นไปแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งมีสาเหตุมาจากเหตุการณ์ Halving ที่จะให้รายได้ของพวกเขาลดลง
โดย Charles Edwards ผู้ก่อตั้ง Capriole Investments ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลสำคัญว่า ถ้าหากนักขุดต้องการที่จะดำเนินกิจการต่อไป ราคาของ Bitcoin จำเป็นต้องพุ่งขึ้นไปสูงกว่า 77,400 ดอลลาร์ต่อ Bitcoin ให้ได้ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความวุ่นวายในอุตสาหกรรมและทำให้ตัวเหรียญเกิดการรวมศูนย์ขึ้น
ในขณะเดียวกัน ข้อมูลจาก MacroMicro ก็ได้ชี้ว่า อัตราส่วนระหว่างต้นทุนในการขุดและราคาของ Bitcoin มีแนวโน้มที่จะย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ หลังอัตราส่วนมีจำนวนน้อยกว่า 1.57 ตามการประมาณการของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
ซึ่งถ้าหากว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นจริง ต้นทุนการขุด Bitcoin เฉลี่ยอาจพุ่งขึ้นไปสูงถึงกว่า 102,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญได้ ซึ่งในทางทฤษฎีแล้ว ในตอนนี้นักขุดจะสูญเสียรายได้ไปประมาณ 36,000 ดอลลาร์ทุกครั้งเมื่อพวกเขาขุด Bitcoin ได้
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือตัวชี้วัดอย่าง Hashprice Index ซึ่งเป็นดัชนีที่ประมาณผลรางวัลที่คาดหวังในแต่ละเทราแฮชต่อวินาที (TH/s) ที่นักขุดผลิตได้ในแฮชเรตได้ลงไปแตะจุดต่ำสุดตลอดกาลที่ 0.00000118 BTC (118 sats) ต่อ TH/s ต่อวัน แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการขุดที่มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับการผลิต Bitcoin ที่ลดลง
โดยสรุปแล้ว ข้อมูลปัจจุบันชี้ให้เห็นถึงความวุ่นวายในอุตสาหกรรมที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้บริษัทขุด Bitcoin บางแห่งปิดตัวลงเนื่องจากต้นทุนในการผลิต Bitcoin นั้นสูงกว่าราคาเหรียญเป็นอย่างมาก และถ้าหากว่าต้นทุนการผลิตยังคงสูงกว่ารางวัลการขุดต่อไปเรื่อยๆ เครือข่าย Bitcoin ก็อาจเกิดการรวมศูนย์ไว้ที่นักขุดรายใหญ่เพียงไม่กี่รายได้ในอนาคต
ที่มา: Finbold