แม้ในวันนี้ราคาของ Bitcoin (BTC) จะมีการปรับฐานลงมาอยู่ที่ประมาณ 64,000 ดอลลาร์อีกครั้ง แต่ BTC ยังคงอยู่ในแนวโน้มที่จะปิดตัวในเดือนกันยายนที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบกว่าทศวรรษ
และต่อไปนี้คือสาเหตุที่อาจเป็นปัจจัยให้ราคาเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงครึ่งหลัง รวมถึงการคาดเดาว่าราคาจะคงระดับและเพิ่มขึ้นได้อีกหรือไม่
โดยรายงานล่าสุดของ CryptoQuant ได้ออกมาเปิดเผยว่าปัจจัยที่ทำให้ราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นกว่า 20% ใน 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันราคาเหรียญเป็นอย่างมากคือ จำนวนไหลเข้าของ Bitcoin ETF
รายงานพบว่า มีการไหลเข้า Bitcoin ETFs ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยผลิตภัณฑ์ที่อิงกับ BTC มีเงินไหลเข้ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเป็นบวกถึง 13 จาก 15 วันที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีการสังเกตว่าบางส่วนของนักลงทุนใน Bitcoin ETFs ได้ผันตัวกลายเป็นผู้ถือครองระยะยาว (Long-Term Holders) เนื่องจากสินทรัพย์ที่พวกเขาถือครองเกิน 155 วันแล้ว อย่างไรก็ตาม CryptoQuant ได้แสดงความกังวลว่าการเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นสัญญาณเตือน เนื่องจากเหตุการณ์เช่นนี้มักเกิดขึ้นในช่วงท้ายของตลาดขาขึ้น
นอกจาก ETF แล้ว การที่ราคา Bitcoin ยังสามารถรักษาแนวโน้มขาขึ้นเอาไว้ได้นั้น ส่วนหนึ่งมาจากจำนวนนักลงทุนที่สามารถทำกำไรจากราคาได้ โดยการที่ราคา BTC เพิ่มขึ้นถึง 20% จากต่ำกว่า 53,000 ดอลลาร์ไปสู่ 63,500 ดอลลาร์นั้น ทำให้นักลงทุนหลายคนกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง จนส่งผลให้สัดส่วนของผู้ที่มีกำไรเพิ่มขึ้นเกิน 90% เมื่อราคาของสินทรัพย์อยู่ที่ 65,000 ดอลลาร์
การวิเคราะห์ของ CryptoQuant พบว่า นักลงทุนระยะสั้น (Short-Term Holders) ซึ่งถือครอง BTC ไม่เกิน 155 วัน มีราคาซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 63,000 ดอลลาร์ ซึ่งระดับนี้จะกลายเป็นแนวรับสำคัญ หากนักลงทุนส่วนใหญ่ตัดสินใจขายเพื่อทำกำไรเล็กน้อย อาจทำให้ BTC ร่วงลงได้
ทว่าในส่วนของตลาดฟิวเจอร์สนั้นยังเป็นอีกจุดที่น่ากังวลอยู่ เนื่องจาก Open Interest เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 19 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหากดูจากผลงานในปี 2024 ที่ผ่านมา อาจเป็นสัญญาณเตือนตลาดอาจมีการเปิดตำแหน่งที่มากเกินไป
และสิ่งสุดท้ายที่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ราคา Bitcoin สูงขึ้นนั้นคือธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.5% ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี ทำให้ราคา BTC พุ่งขึ้นทะลุ 66,500 ดอลลาร์ในสัปดาห์ต่อมา
เนื่องจากการลดอัตราดอกเบี้ยทำให้สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอย่าง Bitcoin ได้รับผลประโยชน์ ดังนั้นนักลงทุนควรจับตามองนโยบายต่อไปของ Fed อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการแถลงของ Jerome Powell ที่คาดว่าจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมในวันที่ 30 กันยายนนี้ หากมีการลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาของ BTC อาจยังคงแนวโน้มขาขึ้นและอาจทำลายสถิติสูงสุดใหม่ในปลายปีนี้
ทั้งนี้ บทความดังกล่าวเป็นเพียงแค่การเสนอข่าวเท่านั้น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนอาจเสียเงินทั้งจำนวนได้ ดังนั้นผู้ลงทุนควรที่จะศึกษาและประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ อยู่เสมอ
ที่มา: Cryptopotato