รายงานล่าสุดจาก CoinGecko ซึ่งเป็นผู้รวบรวมข้อมูลในอุตสาหกรรมคริปโต ได้ออกมาเปิดเผยว่า หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ได้เรียกเก็บค่าปรับจากบริษัทในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลไปแล้วกว่า 19,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้
CoinGecko เผยว่า ค่าปรับที่ทางหน่วยงานกำกับดูแลเรียกมากที่สุด มาจากการบังคับใช้กฎหมายกับกระดานเทรดคริปโตที่ล้มละลายอย่าง FTX และบริษัทเทรดพันธมิตรของตน Alameda Research โดย Commodity Futures Trading Commission (CFTC) ได้รับคำตัดสินให้เก็บค่าปรับจาก FTX และ Alameda เป็นเงิน 12.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจำนวนนี้จะถูกนำไปชำระคืนหนี้ที่ FTX ติดลูกค้าและเจ้าหนี้เป็นมูลค่าประมาณ 11.2 พันล้านดอลลาร์
ในขณะที่การปรับที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับสองเป็นของบริษัทบล็อกเชน Terraform Labs ที่ปิดตัวลง ซึ่งตกลงจ่ายค่าปรับ 4.5 พันล้านดอลลาร์ หลังจากที่คณะลูกขุนตัดสินเป็นเอกฉันท์ว่าบริษัทและผู้ก่อตั้ง Do Kwon มีความผิดในคดีฉ้อโกงที่ฟ้องโดย U.S. Securities and Exchange Commission (SEC)
นอกจากนี้ บริษัทให้กู้เงินคริปโตที่ล้มละลาย Genesis ยังถูกสั่งจ่ายเงินค่าปรับ 2 พันล้านดอลลาร์ หลังจากสำนักงานอัยการสูงสุดแห่งนิวยอร์กกล่าวหาว่าบริษัทและผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ปกปิดการสูญเสียเงินมากกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์จากนักลงทุนในโปรแกรมการลงทุน Gemini Earn
CoinGecko กล่าวว่า หน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงค่าปรับในปีนี้ไปแล้วทั้งหมด 8 รายการ รวมเป็นมูลค่า 19.45 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 78.9% เมื่อเทียบกับปี 2023 ที่ผ่านมา
“เมื่อพิจารณาว่าหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบอุตสาหกรรมคริปโตอย่างต่อเนื่อง ปี 2024 อาจกลายเป็นปีที่มีการบรรลุข้อตกลงค่าปรับมากกว่าปีที่ผ่านมา”
ที่มา: DailyHODL