ครบรอบหนึ่งปีแล้วที่ Bitcoin Exchange-Traded Funds (ETFs) ของสหรัฐฯ ได้เปิดตัวในวอลล์สตรีท พวกกองทุน Bitcoin ETF สร้างปรากฏการณ์และทำลายสถิติอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ภายในระยะเวลา 12 เดือน Bitcoin ETFs ได้ดึงดูด Bitcoin เข้ามาถึง 1.13 ล้าน BTC ซึ่งมีมูลค่า 95 พันล้านดอลลาร์ในราคาปัจจุบัน ลองคิดดูสักครู่ กองทุน ETF เหล่านี้ 4 กองทุน ได้แก่ IBIT ของ BlackRock, FBTC ของ Fidelity, ARKB ของ ARK Invest และ BITB ของ Bitwise ได้กลายเป็นหนึ่งใน 20 กองทุน ETF ที่เปิดตัวได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ
พวกมันยังแซงหน้ากองทุน ETF ทองคำในด้านสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) กองทุน ETF ทองคำใช้เวลาถึงสองทศวรรษในการแตะ 1.28 แสนล้านดอลลาร์ แต่ Bitcoin ETFs กลับมีมูลค่าถึง 1.07 แสนล้านดอลลาร์ภายในหนึ่งปี
Bitcoin ETFs โค่นทองคำ
IBIT ของ BlackRock นำโด่งด้วยสินทรัพย์ 3.78 หมื่นล้านดอลลาร์ Fidelity ตามมาติดๆ ด้วย FBTC ETF ที่ดึงดูดเงินลงทุน 1.21 หมื่นล้านดอลลาร์ แม้แต่ ARK Invest และ Bitwise ก็ทะลุหลักพันล้านดอลลาร์ ในขณะที่กองทุนอื่นๆ ดึงดูดเงินลงทุนระหว่าง 200 ล้านถึง 800 ล้านดอลลาร์
ภายในสามเดือนของการเปิดตัว IBIT มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และ FBTC อยู่ที่ 8 พันล้านดอลลาร์ เงินทุนไหลเข้ารวมใน Bitcoin ETFs ทั้งหมดสูงถึง 3.63 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นเป็น 1.07 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น Bitcoin 1.13 ล้าน BTC
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ETF เหล่านี้ดูด Bitcoin ไปมากกว่า 5% ของอุปทานทั้งหมดของ Bitcoin ในเวลาเพียงหนึ่งปี และอย่าลืมว่า Bitcoin มีอุปทานคงที่ 21 ล้านเหรียญ Bitcoin ทุกเหรียญที่ถูกล็อคไว้ใน ETF หมายถึง Bitcoin ที่หมุนเวียนในตลาดน้อยลง ทำให้อุปทานตึงตัวขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์เรียกว่า “sticky”
และไม่ใช่แค่ตัวเลขที่สำคัญ ETF เหล่านี้ได้กำหนดนิยามใหม่ของผู้ที่เป็นเจ้าของ Bitcoin Larry Fink ซีอีโอของ BlackRock ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเรียก Bitcoin ว่า “ดัชนีของการฟอกเงิน” ตอนนี้กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือ Bitcoin รายใหญ่ที่สุดในโลก เทียบเท่ากับกระเป๋าเงินดั้งเดิมของ Satoshi Nakamoto, Binance และ MicroStrategy ถ้าความย้อนแย้งเป็น ETF BlackRock คงมีสัญลักษณ์ ticker
Bitcoin ETFs เปลี่ยนแนวทางของตลาด
ก่อนการเปิดตัว การลงทุนใน Bitcoin มักจะรู้สึกเหมือนเป็นการล่าสมบัติสำหรับผู้ที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี กระเป๋าเงิน คีย์ส่วนตัว Cold Storage ทุกอย่างมันยากเกินไปสำหรับนักลงทุนทั่วไป ETF เปลี่ยนสิ่งนั้นในชั่วข้ามคืน ตอนนี้ใครก็ตามที่มีบัญชีโบรกเกอร์สามารถซื้อ Bitcoin ได้ง่ายพอๆ กับการซื้อหุ้น Tesla หรือ Apple
คุณมั่นใจได้ว่าคุณจะไม่สูญเสียเงิน BlackRock ไม่ได้เล่นๆ กับผลิตภัณฑ์การลงทุนของพวกเขา และพวกเขาก็ไม่เคยล้มเหลว ทุกสิ่งที่พวกเขาเปิดตัวประสบความสำเร็จ เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้ว่ากำลังทำอะไร พวกเขาเลือก Bitcoin ด้วยเหตุผล
การเข้าถึงที่ง่ายนี้ผลักดันให้เงินทุนจากสถาบันและรายย่อยไหลเข้าสู่ตลาดอย่างมหาศาล เงินทุนไหลเข้าทำลายสถิติผลักดันราคา Bitcoin จาก 46,000 ดอลลาร์ในช่วงต้นปี 2024 ไปสู่ระดับสูงสุดที่ 108,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี และผลกระทบไม่ได้หยุดอยู่แค่ Bitcoin
ความสำเร็จของ ETF เหล่านี้กระตุ้นความสนใจในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ใช้คริปโตอื่นๆ ภายในกลางปี 2024 เราได้เห็นการเปิดตัว spot Ether ETFs และนักวิเคราะห์คาดการณ์ ETF ในอนาคตสำหรับ Solana และ XRP แล้ว
นักวิเคราะห์คาดว่าเงินทุนอีก 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์จะไหลเข้าสู่ Bitcoin ETFs ภายในครึ่งหลังของปีนี้
เส้นทางยาวนานสู่การอนุมัติ
ข้อเสนอแรกสำหรับ Bitcoin ETF มาถึงโต๊ะทำงานของ SEC ในปี 2013 โดยฝีมือของฝาแฝด Winklevoss แน่นอนว่ามันถูกปฏิเสธ ระหว่างปี 2017 ถึง 2021 SEC ยังคงปฏิเสธข้อเสนอครั้งแล้วครั้งเล่า โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับการปั่นป่วนตลาดและการคุ้มครองนักลงทุน
แต่สิ่งต่างๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในปี 2021 SEC อนุมัติ Bitcoin futures ETF ตัวแรก BITO ของ ProShares ซึ่งเริ่มซื้อขายในเดือนตุลาคมของปีนั้น
แม้ว่ามันจะไม่ใช่ spot Bitcoin ETF ที่ทุกคนต้องการ แต่มันก็เป็นก้าวไปข้างหน้า ภายในปี 2023 BlackRock และ Fidelity เข้าสู่ฉาก โดยยื่นขอ spot Bitcoin ETFs มีรายงานว่า 40% ของนักลงทุนสถาบันในสหรัฐฯ ทั้งหมดคาดว่าจะถือ Bitcoin ETFs ภายในสิ้นปี 2025 เพิ่มขึ้นจาก 22% ในปี 2024
ที่มา: cryptopolitan