รัสเซียได้ออกมาโต้ตอบคำขู่ของ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ขู่จะเรียกเก็บภาษี 100% ต่อ BRICS โดยยืนยันว่ากลุ่มนี้ไม่มีแผนที่จะโค่นล้มอำนาจของดอลลาร์สหรัฐ
Dmitry Peskov โฆษกของ Kremlin ได้ออกมาประกาศว่า BRICS ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ไม่มีแนวคิดหรือแผนการที่จะสร้างสกุลเงินกลางใหม่มาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐแต่อย่างใด โดยเน้นย้ำว่า “BRICS ไม่เคยหารือเรื่องการสร้างสกุลเงินร่วม”
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า เป้าหมายหลักของกลุ่มคือการพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนร่วมใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งเป็นแนวทางที่ BRICS ให้ความสำคัญตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2009
ทว่าตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา สมาชิกบางประเทศ เช่น บราซิล ได้ผลักดันแนวคิดเรื่อง “สกุลเงินกลาง” สำหรับการค้าและการลงทุนภายในกลุ่มเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์
นอกจากนี้ ในเดือนตุลาคม 2024 สมาชิก BRICS ได้หารือเกี่ยวกับแนวคิดสกุลเงินร่วมที่อาจได้รับการสนับสนุนด้วยทองคำ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “Unit” ซึ่งถูกมองว่าอาจกลายเป็นเครื่องมือชำระเงินข้ามพรมแดน หรือสกุลเงินดิจิทัลที่ท้าทายอำนาจของดอลลาร์
ทำให้เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา Trump ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อแนวคิดนี้ โดยระบุว่าเป็นสิ่งที่สหรัฐฯ ยอมรับไม่ได้ และขู่ว่าจะกำหนดภาษีสูงถึง 100% ต่อประเทศที่พยายามลดการพึ่งพาดอลลาร์
“แนวคิดที่ BRICS พยายามห่างจากดอลลาร์ในขณะที่เรานิ่งเฉยนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก … ไม่มีทางที่ BRICS จะมาแทนที่ดอลลาร์ในเวทีการค้าโลก และประเทศใดที่พยายามทำ ควรเตรียมบอกลาสหรัฐฯ ไปได้เลย”
อย่างไรก็ตาม Peskov ได้ออกมาตอบโต้ว่า Trump เคยออกแถลงการณ์ลักษณะนี้มาก่อนตั้งแต่ช่วงปลายปี 2024 และเสริมว่า “อาจถึงเวลาที่ผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐฯ ต้องอธิบายวาระของ BRICS ให้เขาฟังอย่างละเอียด”
ท่ามกลางกระแสต่อต้าน CBDC (Central Bank Digital Currency) ฝ่ายบริหารของ Trump ได้ลงนามคำสั่งพิเศษเมื่อวันที่ 23 มกราคม เพื่อสนับสนุนอำนาจของดอลลาร์ในเทคโนโลยีการเงินดิจิทัล และส่งเสริมการพัฒนา Stablecoins ที่อิงกับดอลลาร์ แต่กลับแบนการพัฒนา CBDC ภายในประเทศ
ในขณะที่ Trump ออกมาขู่จะใช้มาตรการภาษีต่อประเทศที่พัฒนา CBDC ทางฝั่งยุโรปกลับเดินหน้าต่อไป โดย Piero Cipollone สมาชิกคณะกรรมการบริหารของ European Central Bank เรียกร้องให้สหภาพยุโรปเดินหน้าพัฒนา Digital Euro เพื่อรักษาอำนาจอธิปไตยทางเศรษฐกิจของภูมิภาค
ที่มา: Cointelegraph