วันนี้ (3 กุมภาพันธ์) ราคา Bitcoin ได้แตะจุดต่ำสุดในรอบสามสัปดาห์ที่ 91,530 ดอลลาร์ ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ 95,306 ดอลลาร์ ในเวลาต่อมา ตามข้อมูลจาก Cointelegraph Markets Pro สะท้อนถึงความอ่อนไหวของตลาดคริปโตที่มีต่อปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคที่เพิ่มขึ้น
ซึ่งการร่วงลงของ Bitcoin ครั้งนี้ เกิดขึ้นเพียงสองวันหลังจากที่ Donald Trump อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน แคนาดา และเม็กซิโก ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระดับโลก
โดย Ryan Lee หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Bitget Research กล่าวกับ Cointelegraph ว่า แม้ว่า Bitcoin จะเคยถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงตลาดผันผวน แต่เหตุการณ์ล่าสุดแสดงให้เห็นว่ามันได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกมากขึ้น ซึ่งตอกย้ำว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายเศรษฐกิจกำลังมีอิทธิพลต่อทิศทางของตลาดคริปโตมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในขณะที่ทางฝั่งจีน แคนาดา และเม็กซิโก ต่างประกาศว่าจะใช้มาตรการตอบโต้ต่อภาษีนำเข้าของ Trump ซึ่งยิ่งทำให้นักลงทุนกังวลมากขึ้น และมีการโยกเงินออกจากสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงคริปโตเคอร์เรนซี
อย่างไรก็ตามราคา Bitcoin ในช่วงที่ผ่านมาเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยมองว่ามันอาจทำจุดสูงสุดในระยะสั้นที่เหนือ 110,000 ดอลลาร์ ก่อนจะปรับฐานลงลึกกว่าเดิม ตามที่ Raoul Pal ผู้ก่อตั้ง Global Macro Investor เคยระบุว่า Bitcoin อาจเผชิญการปรับฐานลงต่ำกว่า 70,000 ดอลลาร์ ในเดือนกุมภาพันธ์ ตามดัชนีสภาพคล่องโลก
แม้ว่าราคาจะมีการปรับฐานลงมา แต่บางนักวิเคราะห์มองว่า Bitcoin ยังมีโอกาสฟื้นตัวเมื่อเทียบกับตลาดการเงินแบบดั้งเดิม โดย Alvin Kan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Bitget Wallet กล่าวว่าการเทขายครั้งนี้เป็นการตอบสนองต่อแรงกดดันมหภาคในระยะสั้น และ Bitcoin อาจกลับมาแข็งแกร่งขึ้นหากถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อและการลดค่าเงิน
แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ที่แตะระดับ 36 ล้านล้านดอลลาร์ แต่โดยรวมแล้ว นักวิเคราะห์ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มของ Bitcoin ในปี 2025 โดยมีการคาดการณ์ว่าราคาของมันอาจพุ่งไปถึง 160,000 – 180,000 ดอลลาร์
ทั้งนี้ บทความดังกล่าวเป็นเพียงแค่การเสนอข่าวเท่านั้น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนอาจเสียเงินทั้งจำนวนได้ ดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาและประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ อยู่เสมอ
ที่มา: Cointelegraph